รอยเตอร์/เอเอฟพี - คนร้ายจุดชนวนคาร์บอมบ์เล็งเป้าถล่มสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเออร์บิล เมืองหลวงของชาวเคิร์ดอิรักเมื่อวันศุกร์ (17 เม.ย.) มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และบาดเจ็บ 5 คน แต่กระทรวงการต่างประเทศอเมริกา ยืนยันไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดได้รับบาดเจ็บ
ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งบอกกับรอยเตอร์ว่าไม่นานหลังจากรถยนต์ถูกจุดชนวนระเบิด ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสั้นๆ ส่วนนิฮัด โกจา นายกเทศมนตรีท้องถิ่นเผยว่า “คาร์บอมบ์ระเบิดตรงด้านนอกทางเข้าสถานกงสุลสหรัฐฯ ดูเหมือนว่าสถานกงสุลจะเป็นเป้าหมายของการโจมตี” อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครออกมาอ้างความรับผิดชอบ
เหล่าเจ้าหน้าที่ชาวเคิร์ดเปิดเผยในเวลาต่อมาว่ามีผู้เสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บ 5 คนในเหตุโจมตีนี้ ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่าพบตัวเจ้าหน้าที่สถานกงสุลทั้งหมดแล้ว โดยไม่มีบุคลากรของสถานกงสุลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายใดได้รับบาดเจ็บ
ภาพถ่ายต่างๆ ที่โพสต์ลงบนสื่อสังคมออนไลน์เผยให้เห็นกลุ่มควันสีดำลอบพวยพุ่งขึ้นจากบริเวณด้านหลังของอาคารหลายชั้นในเขตอันกาวา ย่านชุมชนชาวคริสเตียน ซึ่งอัดแน่นไปด้วยร้านอาหารซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ
ด้านเอเอฟพีรายงานว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นตอนเวลาท้องถิ่นประมาณ 17.40 น.(ตรงกับเมืองไทย 21.40 น.) โดยได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวทั่วเออร์บิลและกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ขณะที่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเผยแพร่ภาพรถยนต์คันหนึ่งกำลังถูกไฟเผาไหม้ใกล้ๆ ทางเข้าสถานกงสุล
ส่วนใหญ่แล้ว ดินแดนปกครองตนเองชาวเคิร์ด มักรอดพ้นจากเหตุคาร์บอมบ์โจมตีที่เกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ของอิรักแบบรายวัน โดยเหตุโจมตีครั้งสุดท้ายในอาร์บิล ต้องย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายนปีก่อน หนนั้นคาร์บอมบ์ฆ่าตัวตายจุดชนวนระเบิดใกล้ๆ กับจวนผู้ว่าการ
อย่างไรก็ตาม กองกำลังชาวเคิร์ดอิรัก ได้กลายเป็นคู่หูสำคัญของพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ในการต่อสู้กับพวกนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งบุกยึดพื้นที่อันกว้างขวางของอิรัก
ทั้งนี้ กองกำลังเปชเมอร์กาของชาวเคิร์ดสามารถผลักดันไอเอสจนต้องล่าถอยในทางภาคเหนือของอิรัก ท่ามกลางแรงการสนับสนุนจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรนานาชาติ