เอเอฟพี/รอยเตอร์ - รถบัสไฟลุกท่วมหลังชนกับรถบรรทุกแก๊สในโมร็อกโกวันศุกร์(10เม.ย.) คร่าผู้โดยสารอย่างน้อย 33 ชีวิต ในนั้นจำนวนมากเป็นเด็กนักเรียนที่กำลังเดินทางกลับจากไปแข่งขันกีฬา
เหตุน่าสลดที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ของโมร็อกโก ถือเป็นอุบัติเหตุครั้งเลวร้ายที่สุดของชาติแอฟริกาเหนือแห่งนี้นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2012 โดยหนนั้นรถบัสตกเหว คร่าชีวิตผู้โดยสาร 42 ศพ
ในส่วนของยอดเหยื่อของอุบัติเหตุยังไม่แน่นอน โดยทางรอยเตอร์อ้างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างต่ำ 33 คน "มีหลายศพที่ไหม้เกรียม เจ้าหน้าที่กำลังติดต่อไปยังบริษัทรถบัสเพื่อระบุตัวตนของเหยื่อ" เบนมาเน ฟัดลี ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาคของกระทรวงคมนาคมกล่าว
เบื้องต้นเอเอฟพีอ้างคำพูดของเหล่าเจ้าหน้าที่ซึ่งให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว MAP ระบุมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 31 คนและได้รับบาดเจ็บ 9 ราย ในนั้น 2 คนอาการสาหัส ก่อนจะมีการปรับตัวเลขเหยื่อเป็น 33 คนในเวลาต่อมา
รอยเตอร์ระบุว่ารถบัสคันนี้กำลังมุ่งหน้าจากเมืองชายฝั่งเบนสลิมาเน ไปยังลายัวเน แถบซาฮาราตะวันตก ก่อนประสบอุบัติเหตุใกล้ๆกับเมืองตัน-ตัน ทางภาคใต้ของประเทศ โดยสมาคมสิทธิมนุษยชนโมร็อกโกเผยผ่านถ้อยแถลงว่าเหยื่อส่วนใหญ่เป็นนักกีฬาระดับเยาวชนและบรรดาโค้ชกลับจากการไปแข่งขันในเมืองเบาซ์นิก้า ดินแดนตากอากาศริมชายหาด
ถ้อยแถลงของสมาคมสิทธิมนุษยชนโมร็อกโกบอกด้วยว่ารถบัสชนกับรถบรรทุกแก๊สที่หมู่บ้านชาเบกา ห่างจากเมืองตัน-ตัน ราว 60 กิโลเมตร โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 รายและ 5 ในนั้น ออกจากโรงพยาบาลแล้วหลังได้รับการรักษา
อุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นบ่อยครั้งในโมร็อกโก โดยในแต่ละปีจะมีคนตายราว 4,000 คน หรือเฉลี่ยประมาณ 11 คนต่อวัน ในประเทศที่มีประชากร 34 ล้านคน ขณะที่เจ้าหน้าที่กล่าวโทษต้นตออุบัติเหตุส่วนใหญ่จากความผิดพลาดของมนุษย์ ในนั้นรวมถึงขับรถเร็ว
