xs
xsm
sm
md
lg

ยืนยันแล้ว “นักบินที่ 2” จงใจนำเครื่อง “เยอรมันวิงส์” ชนภูเขาดับทั้ง 150 ชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online



เอเจนซีส์ - ยืนยันเป็นทางการแล้วในวันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) นักบินที่สองของเที่ยวบินมรณะ ซึ่งผู้อยู่บนเครื่องบินเสียชีวิตยกลำทั้ง 150 คน คือผู้ที่จงใจนำเครื่องบินโดยสารของสายการบิน “เยอรมันวิงส์” พุ่งชนเทือกเขาแอลป์ในเขตประเทศฝรั่งเศส หลังจากล็อกประตูกันไม่ให้กัปตันกลับเข้ามายังห้องนักบิน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สอบสวนของฝรั่งเศสบอกว่ายังไม่เชื่อว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการก่อการร้าย

บริซ โรแบง หัวหน้าอัยการสอบสวนคดีนี้ของฝรั่งเศส เล่าเรื่องราวนาทีท้ายๆ ของเที่ยวบิน 4U 9525 สายการบินเยอรมันวิงส์ ซึ่งปะติดปะต่อได้จาก “กล่องดำ” บันทึกเสียงในห้องนักบิน ให้ที่ประชุมสื่อมวลชนฟัง โดยสรุปว่า แอนเดรียส ลูบิตซ์ นักบินผู้ช่วยวัย 28 ปีซึ่งเป็นคนเยอรมัน เป็นผู้ที่ “จงใจ” นำเครื่องบินลำนี้ไปสู่จุดจบ ในขณะที่เขาควบคุมเครื่องอยู่ตามลำพังคนเดียว

ลูบิตซ์ ดูเหมือน “แสดงให้เห็นความปรารถนาที่ต้องการจะทำลาย” เครื่องบินลำนี้ โรแบง บอกกับผู้สื่อข่าว และกล่าวว่า ผู้โดยสารทั้ง 144 คนเสียชีวิต “ในทันที” และบางทีอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่ง “นาทีท้ายๆ จริงๆ” ของเหตุการณ์หายนะคราวนี้

“มีเสียงกรีดร้องให้ได้ยินก็เมื่อถึงชั่วขณะท้ายๆ ก่อนที่จะเกิดการชนปะทะแล้ว” อัยการผู้นี้บอก

“นักบินผู้ช่วยผู้นี้ควบคุมเครื่องบินอยู่เพียงคนเดียว” เขาเล่า “เขา … ปฏิเสธไม่ยอมเปิดประตูห้องนักบินให้นักบินที่ 1 เข้ามา”

ทั้งนี้ ตามเสียงบันทึกของกล่องดำ นักบินที่ 1 ซึ่งเชื่อกันว่าคงจะออกไปเข้าห้องน้ำ ได้พยายามทุบประตูอย่างเกรี้ยวโกรธเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้นักบินที่ 2 เปิดประตูห้องนักบิน ทว่าไม่ประสบผล

เวลานี้ยังไม่พบร่องรอยใดๆ ที่จะทำให้สาวไปถึงแรงจูงใจของนักบินที่ 2 ผู้นี้ ถึงแม้พวกเจ้าหน้าที่สอบสวนดูจะตัดประเด็นเรื่องการก่อการร้ายออกไป

“ในขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ใดๆ เลยว่านี่คือพฤติการณ์การก่อการร้าย” โรแบง บอก พร้อมกับเสริมด้วยว่า ตามประวัติของลูบิตซ์ก็ไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องโยงใยกับผู้ก่อการร้าย

ทางด้านรัฐมนตรีมหาดไทยของเยอรมนีก็ดูจะสนับสนุนเรื่องนี้ โดยเขาแถลงว่า การสอบสวนที่ดำเนินมาจนถึงเวลานี้ ยังไม่พบเครื่องบ่งบอกอะไรเลยว่า เขามี “ภูมิหลังในเรื่องการก่อการร้าย”
นักเรียนแสดงการไว้อาลัยที่บริเวณด้านหน้าของของโรงเรียนมัธยม โจเซฟ-โคนิก-ยิมเนเซียม ในเมือง ฮัลเทิร์น แอม ซี ทางภาคตะวันตกของเยอรมนี เมื่อวันพฤหัสบดี (26) ทั้งนี้มีนักเรียน 16 คนของโรงเรียนนี้อยู่บนเที่ยวบินมรณะของสายการบินเยอรมันวิงส์ ซึ่งชนปะทะเทือกเขาแอลป์ในเขตฝรั่งเศสเมื่อวันอังคาร (24)
อย่างไรก็ตาม โรแบงกล่าวว่า ตัวเขาเองจะไม่ขอใช้คำว่า “ฆ่าตัวตาย” และไม่สามารถคาดเดาแรงจูงใจของลูบิตซ์ ได้

“ปกติแล้วเมื่อคุณฆ่าตัวตาย คุณย่อมทำมันคนเดียว เมื่อคุณเป็นผู้รับผิดชอบ 150 ชีวิต ผมก็ไม่ขอเรียกว่ามันเป็นการฆ่าตัวตายหรอก” เขาแจกแจง

นักบินที่ 2 ผู้นี้ จงใจปรับการควบคุม “เพื่อเร่งให้เครื่องบินดำดิ่งลงมา” จนปะทะกับไหล่เขาของเทือกเขาแอลป์ ในพื้นที่ซึ่งมีมีรีสอร์ตสกีดังๆ หลายแห่ง โดยที่เขา “มีสติรู้ตัวจนกระทั่งถึงขณะที่เกิดการชนปะทะ” โรแบงบอก

“การกระทำนี้จะทำได้ก็ด้วยความจงใจเท่านั้น มันไม่สามารถที่จะเป็นการหมุนปุ่มด้วยความผิดพลาดได้เลย ถ้าคุณหมดสติหรือเอียงตัวทับไปบนปุ่ม มันก็จะหมุนไปเพียงแค่เสี้ยวเดียว และก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นมา” เขากล่าวย้ำ

“เขายังไม่ได้พูดตอบอะไรแม้แต่อย่างเดียว เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ในห้องนักบินนั่น มีแต่ความเงียบอย่างที่สุดเท่านั้น”

ทางด้าน คาร์สเทน สปอห์ร ประธานเจ้าหน้าที่ของสายการบินลุฟต์ฮันซา ซึ่งมีเยอรมันวิงส์เป็นสายการบินโลว์คอสต์ในเครือ ได้แถลงว่า เขา “ตะลึง” กับเรื่องที่เปิดเผยกันออกมานี้ และกล่าวว่า “ไม่มีสิ่งบ่งชี้ใดๆ” เลยว่า ลูบิตซ์ ทำไปด้วยแรงจูงใจอะไร

เขาเสริมด้วยว่า ไม่มี “ระบบในโลกนี้” ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยใดๆ เลย ที่จะสามารถป้องกันไม่ให้นักบินผู้ช่วยกระทำเช่นนี้ได้ พร้อมยืนยันว่าลูบิตซ์ผ่านการทดสอบทางจิตวิทยาทุกๆ อย่างซึ่งจำเป็นสำหรับการฝึกอบรมเป็นนักบิน รวมทั้งเข้ารับการตรวจร่างกายอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ

ก่อนหน้านี้ ลุฟท์ฮันซ่าเคยแถลงว่า นักบินที่ 1 ของเที่ยวบินนี้มีชั่วโมงบินมากกว่า 6,000 ชั่วโมง และทำงานกับเยอรมันวิงส์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2014 โดยก่อนหน้านั้นทำงานให้ลุฟท์ฮันซ่า และคอนดอร์ ส่วนนักบินที่ 2 ร่วมงานกับเยอรมันวิงส์เมื่อเดือนกันยายน 2013 หลังจากเข้ารับการฝึกโดยตรงกับสายการบิน และมีชั่วโมงบิน 630 ชั่วโมง

ขณะที่นิวยอร์กไทมส์อ้างอิงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทหารอาวุโสที่เกี่ยวข้องในการสอบสวนที่บอกว่า ในช่วงต้นของการบิน เสียงในห้องนักบินเผยให้เห็นการสนทนาภาษาเยอรมันระหว่างนักบินทั้งคู่ที่ “ราบรื่นและสงบมาก” ก่อนที่เสียงจะบ่งชี้ว่า มีนักบินคนหนึ่งออกไปจากห้องนักบิน

“เราไม่รู้ว่า เขาออกไปทำไม แต่ที่แน่ๆ คือ ในช่วงก่อนที่เครื่องบินจะตก มีนักบินอยู่ในห้องนักบินเพียงคนเดียวและไม่ยอมเปิดประตูให้นักบินที่เคาะเรียกอยู่ด้านนอก”


กำลังโหลดความคิดเห็น