xs
xsm
sm
md
lg

สตาร์บัคส์ยอมถอย “ถอดแคมเปญ Race Together” หลังโดนกระแสยี้ต้าน “ถกสีผิวเชื้อชาติ” ในอเมริกา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – หลังเปิดแคมเปญ Race Together หรือโครงการ “ถกประเด็นสีผิวเพื่อความเข้าใจ” ของสตาร์บัคส์ อเมริกา มาได้ระยะหนึ่งท่ามกลางการวิพากษ์ไปทั่วสหรัฐฯถึงความไม่เหมาะสม ทำให้ล่าสุดสตาร์บัคส์ได้ตัดสินใจยุติโครงการนี้ และบาริสตาของสตาร์บักส์ไม่ต้องเขียนข้างแก้วกระดาษ “Race Together” อีกต่อไปนับตั้งแต่เมื่อวานนี้(22)

อย่างไรก็ตาม จิม โอลสัน (Jim Olson)โฆษกสตาร์บักส์ อเมริกา ได้เปิดเผยว่า การริเริ่มเช่นนี้จะดำเนินการต่อในทางที่เปิดกว้างมากกว่านี้ ถึงแม้ว่า จะไม่มีการเขียนข้างแก้วของลูกค้าอีกต่อไปแล้วก็ตาม ซึ่งโครงการ Race Together นั้นเพื่อทำให้มีการถกเถียงเป็นวงกว้างในสังคมต่อปัญหาความไม่เท่าเทียมระหว่างสีผิวในสหรัฐฯ ที่ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นถี่นับตั้งแต่เกิดคดีเทรวอน มาร์ติน หนุ่มวัยรุ่นสีผิวชาวฟลอริดา ที่โดนยิงทั้งๆที่ปราศจากอาวุธในขณะที่กำลังเดินกลับบ้าน แต่กฎหมายรัฐฟลอริดากลับคุ้มครองมือยิง โดยใช้ฐานแนวคิดเป็นการป้องกันตัว ไปจนถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่มีชายผิวดำถูกแขวนคอเสียชีวิตคาต้นไม้หลังเขาได้หายตัวไปจากบ้านได้ระยะหนึ่ง สร้างความตื่นตะลึงให้กับสังคมอเมริกันที่มีประวัติศาสตร์การต่อสู้ระหว่างสีผิวมายาวนาน และภาพชายผิวสีถูกแขวนบนต้นไม้คล้ายกับเหตุการณ์ในอดีตของขบวนการเหยียดผิว KKKในอเมริกาที่มักทารุณชนแอฟริกันอเมริกันในอดีต ไม่ว่าจะจับย่างไฟสด หรือแขวนบนต้นไม้ให้ตายทั้งเป็น

ทั้งนี้ทางสตาร์บัคส์ให้ความเห็นว่า ข้อความข้างแก้วกาแฟกระดาษนั้นเป็นเสมือนตัวเร่งทำให้เกิดการถกเถียงในวงกว้าง และทางบิ๊กแฟรนไชนส์กาแฟสัญชาติสหรัฐฯยังคงมีความต้องการที่จะเป็นศูนย์กลางการสนทนาเช่นนี้ รวมไปถึง ร่วมกับสื่อ USA Today ในการจัดทำหน้าพิเศษ และการเปิดสาขาในชุมชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯให้มากขึ้นล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Race Together รายงานจากบันทึกภายในของซีอีโอสตาร์บัคส์ อเมริกา โฮวาร์ด ชูลต์ซ (Howard Schultz)

แคมเปญ Race Together ของสตาร์บัคส์ สร้างเสียงวิพากษ์ไปทั่วสหรัฐฯทั้งในด้านโอกาสและความไม่เหมาะสม เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ปะทุความขัดแย้งระหว่างสีผิวที่มีการประท้วงทั่วประเทศที่ตำรวจอเมริกาสังหารชายแอฟริกันอเมริกัน รวมไปถึงยังมีข้อสงสัยว่าพนักงานสตาร์บัคส์มีความสามารถมากพอหรือไม่ที่จะพูดคุยถกเถียงประเด็นความขัดแย้งสีผิวอย่างสร้างสรรค์ในขณะที่เสริฟเครื่องดื่มกาแฟให้ลูกค้า

แต่ทว่า โอลสัน ชี้ว่า การยุติแคมเปญนี้ไม่ใช่เกิดมาจากการโดนโจมตีถึงความไม่เหมาะสม “ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งนั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของระยะเวลาตามแผนการที่ทางเราได้กำหนดไว้”

อย่างไรก็ตามดูเหมือน ชูลต์ซ ผู้บริหารระดับสูงของสตาร์บัคส์ อเมริกา จะรับรู้ถึงปฏิกิริยาลบที่เกิดขึ้นต่อแคมเปญล่าสุดของบริษัท “ในขณะที่มีเสียงวิพากษ์เกิดขึ้นต่อโครงการนี้ และผมทราบดีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายสำหรับพวกคุณทั้งหลาย ขอให้ผมบอกคุณเลยว่า ทางเราไม่คาดหวังการได้รับคำเยินยอไปทั่ว” รายงานจากบันทึกภายในสตาร์บัคส์

และชูลต์ซกล่าวว่า การริเริ่มให้มีการถกเถียงเรื่องปัญหาเหยียดสีผิวนี้เพื่อทำให้ “ความฝันของอเมริกัน ซึ่งประกอบไปด้วย มีเสรีภาพ ความเท่าเทียม และโอกาสในทุกด้านตามวิถีอเมริกัน อาทิ การมีงานที่รุ่งเรือง มีบ้านเป็นของตนเอง มีการศึกษา และมีครอบครัวที่อบอุ่น นั้นยังคงมีอยู่ และสามารถเป็นไปได้กับทุกคนไม่จำกัดว่าคนนั้นจะมีเชื้อชาติใดภายใต้ธงสหรัฐฯ ไม่ใช่เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะกลุ่มเท่านั้น”

ด้าน เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเพิ่มเติมว่า อับดุล แจบบาร์ (Abdul-Jabbar) วัย 67 ปี อดีตนักบาสเกตบอล NBA All Stars ผิวสี ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า “สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับแคมเปญนี้คือ ซีอีโอสตาร์บัคส์เลือกเวทีผิดในการริเริ่มสิ่งนี้ รวมถึงพลาดในการเลือกกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงพลาดในการเลือกใช้ตัวแทนบริษัทในการทำการทำแคมเปญ เพราะแน่นอนว่าลูกค้าส่วนมากของสตาร์บัคส์ย่อมไม่ต้องการที่จะถกเถียงในเรื่องการเมืองร้อนกับบาริสตาที่กำลังชงกาแฟแก้วโปรดให้ เพราะการเปลี่ยนแนวความคิดย่อมมาจากการสนทนากับบุคคลที่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้น ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่าบาริสตาสตาร์บัคส์ส่วนใหญ่ไม่มี”

และนอกจากนี้อดีตนักบาสเกตบอล NBA All Stars ยังเตือนว่า หัวข้อสุ่มเสี่ยงเช่นนี้อาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ง่ายอีกด้วย





กำลังโหลดความคิดเห็น