เอเอฟพี - เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล อ้างมีชัยชนะในศึกเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอังคาร (17 มี.ค.) แม้เอ็กซิตโพลหลายสำนักระบุมีคะแนนหายใจรดต้นคอกับคู่ปรับซ้ายกลาง หลังตีตื้นในช่วงท้ายของความพยายามนั่งเก้าอี้ผู้นำเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน
เหล่านักวิเคราะห์มองว่า เนทันยาฮู อยู่ในตำแหน่งที่แข็งแรงกว่าที่จะได้จัดตั้งรัฐบาลผสม กับเหล่าพันธมิตรฝ่ายขวาของเขา ซึ่งจะทำให้นายกรัฐมนตรีรายนี้ได้อยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก 6 ปี
ข้อมูลของสถานโทรทัศน์แห่งรัฐชาแนล 1 และสถานีโทรทัศน์เอกชนชาแนล 10 ต่างให้พรรคลิคุดของเนทันยาฮู และพรรคไซออนนิสต์ ยูเนียน ของผู้ท้าชิงคนสำคัญ ไอแซ็ก เฮอร์ซ็อก ได้เก้าอี้พรรคละ 27 เสียง จากทั้งหมด 120 ที่นั่งในรัฐสภา ส่วนสถานีโทรทัศน์เอกชนชาแนล 2 ให้พรรคลิคุด ได้เก้าอี้มากกว่า 1 ที่นั่ง
“จากที่แทบเป็นไปไม่ได้ กลายเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพรรคลิคุด ชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับประชาชนอิสราเอล” เนทันยาฮู เขียนลงบนบัญชีทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของเขา
เนทันยาฮู วัย 65 ไป ทำคะแนนตีตื้น หลังจากวิงวอนนาทีสุดท้ายขอให้เหล่าผู้สนับสนุนออกไปยังคูหาเพื่อต้านทานคนอาหรับอิสราเอลที่ออกมาใช้สิทธิกันอย่างล้นหลาม “กฎของฝ่ายขวาตกอยู่ในอันตราย ผู้มีสิทธิ์ชาวอาหรับกำลังออกไปยังคูหา” เขากล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนเฟซบุ๊ก “ออกไปยังหน่วยเลือกตั้ง ลงคะแนนให้ลิคุด”
มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีรายนี้ มีปัญหากับเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้ง โดยถูกห้ามออกอากาศแถลงข่าวในขณะที่ยังไม่ปิดหีบ เนื่องจากตามกฎระเบียบแล้วไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาหาเสียงใดๆ ในวันลงคะแนน
ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลต่างๆ ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งที่ถูกมองในฐานะเป็นการลงประชามติต่อความเป็นผู้นำของนายเนทันยาฮู พบว่า นายกรัฐมนตรีรายนี้มีคะแนนตามหลังพรรคไซออนนิสต์ ยูเนียน ทว่าผลที่ออกมาดูเหมือนจะผิดคาด
“เนทันยาฮูทำสำเร็จ เขาเข้าป้ายในรอบสุดท้าย” ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญจากมหาวิทยาลัยฮีบรู ของเยรูซาเลม กล่าว “บนหน้ากระดาษ ไอแซ็ก เฮอร์ซ็อก ไม่มีโอกาสรวบรวมเสียงข้างมาก ซึ่งต้องพึ่งพาแรงสนับสนุนจากพรรรคอาหรับลิสต์ ที่ต่อต้าน ส.ส. ไซออนิสต์อย่างเปิดเผย”
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของผลการเลือกตั้งดังกล่าว มีความเป็นไปได้ที่มันจะกัดเซาะโอกาสของการเจรจาสันติภาพตะวันออกกลางรอบใหม่และการฟื้นฟูสัมพันธ์ที่มีปัญหากับสหรัฐฯ ชาติพันธมิตรสำคัญ
ในการร้องขอครั้งท้ายๆ ถึงผู้มีสิทธิ์ออกเสียงขวาจัดก่อนหน้าการเลือกตั้ง นายเนทันยาฮู ประกาศจะไม่ยอมให้เกิด “รัฐปาเลสไตน์” ขึ้นมา หากได้รับการเลือกตั้ง เท่ากับเป็นการละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับสหรัฐฯตั้งแต่เมื่อหลายปีมาแล้ว ที่ว่าจะแก้ไขปัญหาปาเลสไตน์ ด้วยการยินยอมให้เกิด 2 รัฐอธิปไตยอยู่เคียงคู่กัน คือ อิสราเอล และ ปาเลสไตน์ ผิดกับนายเฮอร์ซ็อก ที่สนับสนุนการสร้างสันติภาพกับปาเลสไตน์
การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงราว 5.8 ล้านคน และมีพรรคการเลือก 25 พรรค ร่วมแย่งชิงเก้าอี้ในรัฐสภา ทั้งนี้ มันถือเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 3 ของอิสราเอลนับตั้งแต่ปี 2009 และเป็นความท้าทายหนใหญ่หลวงที่สุดของเนทันยาฮู ที่แสวงหาทางนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี 3 สมัยติดและเป็นสมัยที่ 4 โดยรวม
ภายใต้ระบบเลือกตั้งของอิสราเอล นายกรัฐมนตรีไม่ได้มาจากหัวหน้าพรรคที่คว้าเก้าอี้ในรัฐสภามากที่สุด แต่จะเป็นใครก็ได้ที่รวบรวมเสียงข้างมากในรัฐสภาได้สำเร็จหรืออย่างน้อยๆ ก็ 61 เสียง