เอเจนซีส์ - ชาวอิสราเอลไปลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาในวันอังคาร (17 มี.ค.) ภายหลังการหาเสียงเผ็ดร้อนตลอด 3 เดือนที่ฝ่ายค้านพยายามชูเรื่องความล้มเหลวของรัฐบาลในการปัญหาข้าวยากหมากแพง ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ซึ่งผลโพลออกมาไม่ค่อยดี ต่อสู้ตีโต้ด้วยการชูเรื่องความมั่นคง แถมประกาศในนาทีสุดท้ายว่า ถ้าได้กลับมานั่งเก้าอี้นายกฯ เป็นสมัยสาม ก็จะไม่ยอมให้เกิด “รัฐปาเลสไตน์” ขึ้นมา
การประกาศดังกล่าวของเนทันยาฮู เท่ากับเป็นการละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับสหรัฐฯตั้งแต่เมื่อหลายปีมาแล้ว ที่ว่าจะแก้ไขปัญหาปาเลสไตน์ ด้วยการยินยอมให้เกิด 2 รัฐอธิปไตยอยู่เคียงคู่กัน คือ อิสราเอล และปาเลสไตน์ นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ถือเป็นความพยายามเฮือกสุดท้ายของนักการเมืองเจนเวทีผู้นี้ ในการเรียกคะแนนจากผู้มีสิทธิออกเสียงสายเหยี่ยว เพื่อความอยู่รอดทางการเมืองในศึกเลือกตั้งที่ว่ากันว่าคู่คี่สูสี แต่ฝ่ายรัฐบาลยังคงได้คะแนนนิยมตามหลังฝ่ายค้าน
ทั้งนี้ ผลการสำรวจความคิดเห็นครั้งท้ายๆ ก่อนวันเลือกตั้งออกมาว่า พรรคลิคุดของเนทันยาฮูมีคะแนนนิยมตามหลังพรรคไซออนิสต์ ยูเนียน ของผู้ท้าชิงคนสำคัญ ไอแซ็ก เฮอร์ซ็อก ที่สนับสนุนการสร้างสันติภาพกับปาเลสไตน์ โดยพรรคของเฮอร์ซ็อก น่าจะได้ที่นั่งมากกว่าพรรคของเนทันยาฮู 3-4 ที่นั่ง
เนทันยาฮูให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสถานีทีวีช่อง 10 ภายหลังไปหย่อนบัตรตั้งแต่เช้าตรู่วันอังคารว่า หากรัฐปาเลสไตน์ได้รับการสถาปนาเคียงข้างอิสราเอล ปาเลสไตน์จะถูกควบคุมโดยกลุ่มชาวปาเลสไตน์หัวรุนแรงที่จะระดมยิงจรวดใส่อิสราเอลไม่หยุดหย่อน
ตรงข้ามกับเฮอร์ซ็อกที่ให้สัญญาฟื้นแผนสันติภาพกับปาเลสไตน์ ฟื้นสัมพันธ์กับอเมริกา และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน พร้อมเรียกร้องประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงและอนาคตที่ดีขึ้นให้เลือกพรรคไซออนิสต์ ยูเนียน
ในการเลือกตั้งคราวนี้ จะเป็นเลือกสภาชิกรัฐสภา 120 คน โดยสัดส่วนของจำนวน ส.ส.ที่จะเลือกตามบัญชีรายชื่อนั้น จะมีมากกว่าการเลือกผู้สมัครโดยตรง ในอดีตที่ผ่านมา ไม่เคยมีพรรคใดได้เสียงข้างมาก ดังนั้นจึงมักใช้เวลาหลายสัปดาห์หลังการเลือกตั้งเพื่อเจรจาหาแนวร่วมตั้งรัฐบาลผสม
สำหรับครั้งนี้ พรรคสายกลางและพรรคแนวศาสนาขนาดเล็กที่ไม่สนับสนุนทั้งเนทันยาฮูและเฮอร์ซ็อก มีแนวโน้มเป็นผู้ชี้ขาดว่า ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอลคนต่อไป
เนทันยาฮูนั้นบริหารประเทศมาตลอด 6 ปีหลังมานี้ และช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง เขาเพิ่มดีกรีชูกระแสขวาสุดขั้วด้วยการโอดครวญว่ากำลังถูกเศรษฐีต่างชาติลงขันเพื่อโค่นล้ม พร้อมเตือนว่ารัฐบาลปีกซ้ายจะมีกลุ่มอาหรับหนุนหลังอยู่ ซึ่งหมายถึงนักการเมืองอิสราเอล-อาหรับ ที่ตามโพลระบุว่า อาจผงาดขึ้นมาเป็นพรรคใหญ่อันดับ 3
ฤดูหาเสียงครั้งนี้สุมไฟสร้างความแตกแยกระหว่างกลุ่มหัวรุนแรงกับกลุ่มสายกลางในอิสราเอลอย่างชัดเจน
ต้นเดือนนี้ ชาวยิวนับหมื่นชุมนุมในจัตุรัสกลางกรุงเทลอาวีฟ โดยมีอดีตหัวหน้าหน่วยสายลับมอสซาด ขึ้นเวทีเรียกร้องให้เนทันยาฮูลาออก ต่อมาวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (15) ชาวยิวปีกขวาหลายหมื่นร่วมชุมนุมในจัตุรัสแห่งเดียวกันเพื่อฟังการปราศรัยจากเนทันยาฮูและนักการเมืองชาตินิยม
สถานะของเนทันยาฮูขณะนี้ค่อนข้างระส่ำระสาย ดังนั้น หลังจากพยายามหลบเลี่ยงสื่อมาเกือบตลอด 4 ปี ล่าสุด เขาต้องออกเดินสายให้สัมภาษณ์ทั้งสถานีทีวีชั้นนำและสถานีวิทยุภูมิภาคแห่งเล็กๆ
ในการให้สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์กับสถานีทีวีช่อง 10 เนทันยาฮูประกาศไม่ร่วมฟอร์มรัฐบาลกับเฮอร์ซ็อกเด็ดขาด แต่จะจับมือกับพรรคยิววิช โฮม ปาร์ตี้ ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมสุดขั้วที่คัดค้านการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์เช่นเดียวกัน
เนทันยาฮูยังโจมตีว่า เฮอร์ซ็อกจะยินยอมยกดินแดนให้ปาเลสไตน์อย่างง่ายดาย
ทั้งนี้ ปาเลสไตน์ต้องการตั้งรัฐขึ้นในพื้นที่เวสต์แบงก์ ฉนวนกาซา และเขตเยรูซาเลมตะวันออก ซึ่งเป็นดินแดนที่อิสราเอลยึดครองมาตั้งแต่สงครามตะวันออกกลางปี 1967
จุดยืนดังกล่าวของเนทันยาฮูถือเป็นเดิมพันทางการเมืองครั้งสำคัญ เนื่องจากเมื่อหลายปีที่แล้ว เขาเคยรับรองกับนานาชาติว่า ยอมรับแนวคิดการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ และพร้อมเจรจากับปาเลสไตน์ แต่เนทันยาฮูกล่าวหาว่าประธานาธิบดีมาห์มูด แอ็บบาสของปาเลสไตน์เป็นอุปสรรคสำคัญต่อข้อตกลงสันติภาพ
ดังนั้น หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย เนทันยาฮูคงลำบากใจอย่างยิ่งหากจะต้องยืนยันว่าอิสราเอลเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ในการพยายามสร้างสันติภาพ ซึ่งวอชิงตันปักธงว่า การก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์คือเสาหลักของนโยบายตะวันออกกลาง
เฮอร์ซ็อกกล่าวหาว่า เนทันยาฮูกำลังใช้ความหวั่นวิตกด้านความปลอดภัยมาหันเหความสนใจของประชาชนจากปัญหาค่าครองชีพสูง
ขณะเดียวกัน เฮอร์ซ็อกส่งสัญญาณว่าอาจยกเลิกข้อตกลงแบ่งปันอำนาจกับซิปี ลิฟนี ผู้นำร่วมของพรรคไซออนนิสต์ ยูเนียน และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน เฮอร์ซ็อกและลิฟนีจะผลัดกันเป็นนายกรัฐมนตรีคนละสองปี หากได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่ขณะนี้ทั้งคู่ตกลงกันว่า เฮอร์ซ็อกจะรับหน้าที่บริหารประเทศตลอด 4 ปี
ทั้งนี้ คูหาเลือกตั้งของอิสราเอลจะปิดลงในเวลาประมาณ 03.00 น. วันพุธ (18) ตามเวลาไทย ซึ่งจะมีเอ็กซิตโพลล์เปิดเผยออกมาเกือบจะทันที
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิสราเอลจะต้องรับมือความทั้งภายในประเทศและนโยบายต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน การฟื้นสัมพันธ์กับสหรัฐฯ การฟื้นการเจรจาสันติภาพกับปาเลสไตน์ที่ล่มลงเมื่อปีที่แล้ว และแนวโน้มการถูกดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ ตลอดจนการรักษาอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ