ตร.เกาหลีใต้ตั้งข้อหามือมีดฟันหน้าทูตสหรัฐฯ'พยายามฆ่า'!!

เอเอฟพี - ตำรวจเกาหลีใต้ในวันศุกร์(6มี.ค.) ตั้งข้อหาชายที่ก่อเหตุใช้มีดจ้วงฟันใบหน้าและแขนเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงโซล "พยายามฆ่า" ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนความเป็นไปได้ที่เขาอาจเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ

สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่านายคิม คีจอง วัย 55 ปี ยังเจอข้อหามีพฤติกรรมรุนแรงกับทูตต่างชาติอีกกระทง ต่อกรณีที่เขาใช้มีดจ้วงฟันใบหน้านายมาร์ก ลิปเปิร์ต จนทำให้เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงโซลรายนี้เป็นแผลลึกบริเวณแก้มขวาต้องเย็บถึง 80 เข็ม

เบื้องต้นปรากฎว่า คิม ลงมือเพียงลำพัง เป็นพวกชาตินิยมรุนแรงและมองสหรัฐฯในฐานะอุปสรรคขัดขวางการคืนสู่ความปรองดองของคาบสมุทรเกาหลี แต่ต่อมาก็พบว่าเขาเคยเดินทางไปยังเกาหลีเหนือหลายครั้งช่วงระหว่างปี 2006 ถึง 2007 และเคยพยายามจัดตั้งอนุสรณ์รำลึกถึงคิมจองอิลในกรุงโซล หลังจากอดีตผู้นำเปียงยางรายนี้ถึงแก่อสัญกรรมในปี 2011

พฤติกรรมดังกล่าวของนักเคลื่อนไหวรายนี้สอดคล้องกับปฏิกิริยาของเกาหลีเหนือต่อเหตุโจมตีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ซึ่งทางสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยาง เรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น ลงโทษอันชอบธรรม” และเป็น “การแสดงออกซึ่งการต่อต้าน” อย่างหนักแน่นมีเหตุมีผลต่อการซ้อมรบร่วมระหว่างโสมขาวกับอเมริกา

คดีของลิปเปิร์ต ถูกมอบหมายแก่คณะสืบสวนพิเศษที่ประกอบด้วยอัยการและตำรวจมากกว่า 100 คน ภายใต้การนำของหน่วยงานต่อต้านก่อการร้ายของสำนักงานอัยการเขตกลางแห่งกรุงโซล "เรากำลังสืบสวนความเป็นไปได้ที่เขาอาจเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ" ยูน มยุง-ซูน ผู้บัญชาการตำรวจเขตโซลกลางบอกกับผู้สื่อข่าว "เรากำลังพยายามตรวจสอบว่าเขาละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติหรือไม่"

กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติถูกบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 1948 เพื่อป้องกันเกาหลีใต้จากการถูกแทรกซึมโดยเกาหลีเหนือ โดยกฎหมายฉบับนี้ห้ามพูดถึงหรือเขียนสนับสนุนอุดมการณ์ของเปียงยาง หรือดำเนินกิจกรรมใดๆที่มองได้ว่าเป็นการต่อต้านรัฐ ด้วยมีบทลงโทษคือจำคุกสูงสุด 7 ปี

ตำรวจเข้าค้นบ้านและสำนักงานของนายคิมทางตะวันตกของกรุงโซลในตอนเช้าวันศุกร์(6มี.ค.) โดยได้มีการยึดเอกสารและฮาร์ดไดรฟ์คอมพิวเตอร์เพื่อนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม ต่อมา ผู้บัญชาการตำรวจเขตโซลกลางเผยว่า "เจ้าหน้าที่ยังพบหนังสือกบฏหลายๆเล่มที่บ้านพักของผู้ต้องหารายนี้ และให้ความสนใจโดยเฉพาะกับข้าวของต้องสงสัยที่มีลักษณะฝักใฝ่เกาหลีเหนือ" แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเพิ่มเติม

ในระหว่างที่เขาถูกนำตัวจากสถานีตำรวจไปยังศาลเมื่อวันศุกร์(6มี.ค.) คิมถูกถามว่าเขาลงมือตามคำสั่งของเกาหลีเหนือหรือไม่ เขาตอบว่า "ไม่ ไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้น เป็นความคิดที่บังอาจมาก" ส่วนอัยการเผยว่าจะแสวงหาข้อหาพยายามฆ่าแก่ผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากลักษณะของการโจมตีที่มีการไตร่ตรองไว้ก่อน

โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยยอนเซ ในกรุงโซล สถานที่พักรักษาตัวของนายลิปเปิร์ต ออกถ้อยแถลงระบุว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐฯวัย 42 ปี น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ภายในต้นสัปดาห์หน้า และในเวลานี้อยู่ภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาของเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ

เหตุโจมตีในที่สาธารณะต่อทูตของพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีใต้ สร้างความตกตะลึงในประเทศที่มีการประท้วงทางการเมืองอย่างดุเดือดเป็นเรื่องปกติ แต่พฤติกรรมรุนแรงแบบนี้แทบไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากนี้ยังก่อความอับอายและวิตกกังวลต่อคำถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงปล่อยให้ชายผู้ซึ่งมีประวัติกระทำรุนแรงกับทูตต่างชาติรายนี้ลงมือโจมตีได้อีก หลังจากนายคิม เคยถุกสั่งจำคุกในปี 2010 ฐานปาหินเข้าใส่เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น แต่โทษให้รอลงอาญาไว้ก่อน

ทั้งนี้ระหว่างการจู่โจมนั้นนายคิมตะโกนเรียกร้องให้เกาหลีเหนือและใต้รวมประเทศ รวมทั้งต่อต้านการซ้อมรบประจำปีระหว่างโซลกับวอชิงตันที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันจันทร์(2มี.ค.)ที่ผ่านมา