xs
xsm
sm
md
lg

ผลโพลชี้ มะกันเกือบครึ่งไม่เห็นด้วย “รีพับลิกัน” หักปธน.สหรัฐฯ เชิญ “เนทันยาฮู” โดยไม่บอกล่วงหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ – การเชิญนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเบนจามิน เนทันยาฮู โดยประธานรัฐสภาสหรัฐฯ จอห์น โบห์เนอร์ พรรครีพับลิกันเพื่อมาแถลงต่อสภาคองเกรส ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้(3)สร้างความงุนงงและโจษจันไปทั่ว ล่าสุดแบบสำรวจความคิดเห็นของวอลสตรีทเจอร์นัลร่วมกับ NBC News สหรัฐฯพบว่า ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนในสหรัฐฯเกือบครึ่งไม่เห็นด้วยในการเชิญครั้งนี้โดยไม่ปรึกษากับประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามาก่อน

วอลสตรีทเจอร์นัลรายงานเมื่อวานนี้(1)ว่า ในการแถลงของสองสภาร่วมพรุ่งนี้(3)ที่จะมีนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ร่วมแสดงสุนทรพจน์เกี่ยวกับนโยบายนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งผู้นำยิวถูกเชิญโดยจอห์น โบห์เนอร์ ประธานรัฐสภาสหรัฐฯโดยไม่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ก่อนล่วงหน้า และในการสำรวจความคิดเห็นผู้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงในสหรัฐฯที่จัดทำโดยวอลสตรีทเจอร์นัลร่วมกับ NBC News สหรัฐฯพบว่า 48 % ของผู้ตอบแบบสอบถาม “ไม่เห็นด้วย” ในการออกบัตรเชิญของพรรครีพับลิกันครั้งนี้ ในขณะที่ 30% เห็นว่าสภาคองเกรสรีพับลิกันสามารถกระทำได้ และมีเพียงแค่ 1ใน 5ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ไม่มีข้อมูลมากพอที่จะให้ความเห็นได้

การเดินทางมาของเนทันยาฮูที่จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์กับสภาร่วมคองเกรสก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในอิสราเอลนั้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯบารัค โอบามา ประกาศว่า เขาจะไม่พบกับเนทันยาฮูในระหว่างที่อยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งความระหองระแหงในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและอิสราเอลเริ่มจากที่เนทันยาฮูมีความพยายามที่จะล่มการเจรจาโครงการนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน โดยทางอิสราเอลเชื่อว่า อิหร่านเป็นศัตรูทางความมั่นคงของชาติยิว และการที่จะทำให้อิสราเอลปลอดภัยต่อเมื่ออิหร่านล้มเลิกการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์โดยสิ้นเชิงเท่านั้น

และในขณะเดียวกันที่นักการเมืองสหรัฐฯต่างเดินหน้าอนุมัติในแผนเจรจานิงเคลียร์กับอิหร่านตามโอบามา และสนับสนุนในการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มขึ้นเพื่อลงโทษตามใจเนทันยาฮู ทางทำเนียบขาวชี้ว่า หากเพิ่มการคว่ำบาตรต่ออิหร่านจะทำให้การเจรจานิวเคลียร์ถึงทางตัน และรวมไปถึงการมาเยือนสหรัฐฯของเนทันยาฮูไม่นานก่อนที่จะมีการเลือกตั้งผู้นำคนใหม่ของอิสราเอลทำให้ทางทำเนียบขาวประกาศว่าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่พบผู้นำยิว เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงข้อยุ่งยากทางการเมืองของอิสราเอล
และในผลโพลครั้งนี้พบว่า ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันสนับสนุนการเชิญผู้นำรัฐต่างชาติเพื่อมาแถลงต่อสภาคองเกรสโดยไม่ต้องปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐฯมากกว่ามีถึง 47% เมื่อเทียบกับผู้สนับสนุนฝั่งพรรคเดโมแครต 12 % ที่เห็นด้วย

แต่ถึงแม้ชาวอเมริกันต่างไม่ชื่นชอบที่จะเห็นเนทันยาฮูปรากฏตัวกลางสภาคองเกรสพรุ่งนี้(3) แต่ทว่าดูเหมือนความนิยมในตัวผู้นำยิวคนนี้มีเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่สิงหาคมที่ผ่านมา โดยพบว่าชาวอเมริกันนิยมในเนทันยาฮูมีถึง 30% เพิ่มขึ้นมาจาก 24% และมีแค่ 17% ที่ไม่ชื่นชอบผู้นำยิว

และเมื่อเจาะลึกไปยังกลุ่มที่นิยมในตัวเนทันยาฮู จะพบว่าเป็นกลุ่มของผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน ซึ่งจากผลโพลล่าสุดมีถึง 49% เพิ่มจาก 36%ในสิงหาคม 2014 ในขณะที่ทางฝั่งเดโมแครตยังคงที่ ลดลงไปอยู่ที่ 12% จากแต่เดิมที่ 13% ในเดือนสิงหาคมล่าสุด

นอกจากนี้แบบสอบถามยังชี้ถึงความรู้สึกของชาวอเมริกันที่มีต่ออิสราเอล ผลสำรวจล่าสุดพบว่า ความนิยมต่ออิสราเอลของชาวอเมริกันมีสูงกว่า เมื่อเทียบความนิยมต่อตัวเนทันยาฮู โดยพบว่าเกือบครึ่งของชาวอเมริกัน หรือ 47% ชี้ว่า “มีความรู้สึกทางบวก” ต่ออิสราเอล เมื่อเทียบกับ 17% ชี้ว่า “มีความรู้สึกเป็นลบ” กับอิสราเอล

และเป็นที่น่าสนใจว่า ในการสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำในระหว่างวันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ 2015 กับผู้แสดงความคิดเห็นที่เป็นผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งในสหรัฐฯพบว่า ถึงแม้จะมีความสนใจเป็นจำนวนมากต่อการมาเยือนสหรัฐฯของเนทันยาฮูครั้งนี้ แต่กลับพบว่าคนจำนวนมากเหล่านี้ไม่ได้ติดตามข่าวสารทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือวิทยุที่เกี่ยวกับการมาเยือนของผู้นำยิว มีเพียง 1 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ได้ติดตามความเคลื่อนไหวทางสื่อเกี่ยวกับการเยือนอย่างละเอียด และอีก 33% ชี้แจงว่า ได้ติดตามข่าวสารบ้าง



สภาคองเกรสยังยื้อต่อ หลังผ่านงบเฉียดเส้นตายชัตดาวน์ "ต่ออายุกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯแค่สัปดาห์เดียว"
สภาคองเกรสยังยื้อต่อ หลังผ่านงบเฉียดเส้นตายชัตดาวน์ "ต่ออายุกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯแค่สัปดาห์เดียว"
ข่าวการตกลงไม่ได้ระหว่างสภาคองเกรสที่มีพรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมากทั้งสองสภาและประธานาธิบดีสหรัฐฯบารัค โอบามา ยังเดินหน้าต่อไปในนโยบายปฎิรูปกฎหมายเข้าเมืองสหรัฐฯ ทำให้อนาคตการปิดหน่วยงานรัฐของกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯที่ได้รับการต่ออายุในวันศุกร์(27 กุมภาพันธ์) อย่างเฉียดเส้นตาย ยืดอายุไปเพียงแค่ 1 สัปดาห์ ทำให้หวั่นว่าอาจเกิดการปิดหน่วยงานกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯที่มีหน่วยงานดูแลความมั่นคงชายแดนสหรัฐฯรวมอยู่ในนั้นด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น