พบวัตถุต้องสงสัยหน้า “คาเฟ่เดนมาร์ก” ที่ถูกถล่มยิง จุดประกายอพยพประชาชนจ้าละหวั่น

รอยเตอร์ - ตำรวจเดนมาร์กเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์วันนี้ (17 ก.พ.) ว่าพบห่อวัตถุต้องสงสัยหน้าคาเฟในกรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งเป็นจุดที่เคยเกิดเหตุมือปืนบุกกราดยิงในงานสัมมนาเสรีภาพในการพูดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (14) จุดประกายให้เจ้าหน้าที่เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ ทว่า ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งผ่านทางทวิตเตอร์ว่า ตรวจไม่พบวัตถุระเบิดในห่อต้องสงสัยดังกล่าว

แม้ว่ามือปืนผู้ต้องสงสัยในเหตุกราดยิงทั้งสองครั้งเมื่อสุดสัปดาห์ถูกวิสามัญฆาตกรรมในวันอาทิตย์ (15) แต่ทางการก็ยังคงเฝ้าระวังความปลอดภัยระดับสูงในกรุงโคเปนเฮเกน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 รายที่ถูกกล่าวหาว่าให้ความช่วยเหลือผู้ลงมือก่อเหตุวานนี้ (16)

ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์รอยเตอร์รายงานตามคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ว่า กำลังตำรวจตั้งแต่ 25 ถึง 30 นายพร้อมด้วยสุนัขดมกลิ่นได้เข้าตรวจสอบคาเฟ่ดังกล่าว ในขณะที่ยังจะมีตำรวจตามมาสมทบอีก โดยพวกเขากำลังรอเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิด

เมื่อวันเสาร์ (14) ชายวัย 22 ปีคนหนึ่งบุกกราดยิงคาเฟ่ สถานที่จัดการสัมมนาหัวข้อเสรีภาพในการพูด จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จากนั้นเขาก็เปิดฉากโจมตีอีกระลอกที่โบสถ์ยิว คร่าชีวิตพนักงานรักษาความปลอดภัยไป 1 คน เหตุถล่มยิงที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้งได้กระตุ้นให้เกิดความตื่นตระหนกในประเทศที่ภาคภูมิใจในความเป็นสังคมแห่งเสรีภาพอย่างเดนมาร์ก

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถวิสามัญฆาตกรรมชายที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุกราดยิงในย่านนอร์เรโบร ชุมชนผู้อพยพขนาดใหญ่ที่เขาอาศัยอยู่ และขึ้นชื่อลือชาว่ามีแก๊งอาชญากรชอบก่อเหตุรุนแรง

แม้ว่าตำรวจเดนมาร์กจะยังไม่ได้เปิดเผยชื่อของมือปืน แต่สื่อหลายเจ้าพากันประโคมข่าวกันอย่างกว้างขวางว่า เขาคือ โอมาร์ อับเดล ฮามิด เอล-ฮุสเซน ลูกชายของผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่ตำรวจเดนมาร์ก เนื่องจากมีประวัติครอบครองอาวุธผิดกฎหมาย ก่อคดีทำร้ายร่างกาย และเป็นสมาชิกของแก๊งอาชญากร

วานนี้ (16) เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า ก่อนมือปืนคนดังกล่าวเสียชีวิต เขาได้แวะไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งหนึ่ง ต่อมาตำรวจสามารถรวบตัวชายสองคนที่ถูกกล่าวหาว่าให้ความช่วยเหลือผู้ก่อเหตุได้ที่ร้านดังกล่าว

นายกรัฐมนตรี เฮลเล ธอร์นิง-ชมิดท์ แห่งเดนมาร์กได้กล่าวประณามว่า เหตุสลดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าเป็นการก่อเหตุโจมตีของพวกก่อการร้าย ในยามที่มีการเปรียบเทียบเหตุบุกกราดยิงในกรุงโคเปนเฮเกนทั้งสองครั้งเข้ากับเหตุกลุ่มอิสลามิสต์ก่อเหตุโจมตี 3 ครั้งในกรุงปารีส จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวม 17 คน โดยในหมู่ผู้เสียชีวิตเป็นผู้สื่อข่าวของนิตยสารรายสัปดาห์แนวเสียดสีประชดประชัน “ชาร์ลี เอ็บโด” ของแดนน้ำหอม