xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลญี่ปุ่นยึดพาสปอร์ตช่างภาพฟรีแลนซ์ เหตุดึงดันจะไปซีเรียให้ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เกียวโด - กระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นได้ยึดพาสปอร์ตของช่างภาพฟรีแลนซ์รายหนึ่งเมื่อวันเสาร์ (7 ก.พ.) เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ชายชาวญี่ปุ่นรายนี้เดินทางไปยังซีเรีย นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลแดนปลาดิบดำเนินการในลักษณะนี้

ยูอิชิ ซูกิโมโตะ หนุ่มใหญ่วัย 58 ปี ชาวเมืองนีงาตะ ได้วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของรัฐบาลอย่างหนักว่าทำการละเมิดสิทธิ ด้วยการยึดพาสปอร์ตของเขาไป

ส่วนทางกระทรวงการต่างประเทศก็ได้บอกว่า การกระทำดังกล่าวเป็นไปตามบทบัญญัติเกี่ยวกับกฏหมายหนังสือเดินทาง ที่ระบุว่าสามารถยึดพาสปอร์ตได้เพื่อหยุดยั้งการเดินทาง ในกรณีที่เป็นการปกป้องรักษาชีวิตของคนเหล่านั้น

การยึดพาสปอร์ตครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่มีเผยแพร่วิดีโอการสังหารนักข่าวญี่ปุ่น “เคนจิ โกโตะ” โดยฝีมือของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยกันในเรื่องรัฐธรรมนูญ ประเด็นการรับรองเสรีภาพการเดินทางไปยังต่างประเทศ

ซูกิโมโตะบอกกับเกียวโดนิวส์ว่า เดิมทีเขานั้นมีแผนจะเดินทางออกจากญี่ปุ่นในวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อไปยังเมืองอิสตันบูลของตุรกี จากนั้นพอได้พบกับอดีตทหารนายหนึ่งที่เคยทำงานเป็นไกด์ให้ เคนจิ โกโตะ เขาก็จะเดินทางต่อไปยังซีเรีย

ซูกิโมโตะย้ำว่า เขาไม่มีแผนจะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มไอเอส เขาตั้งใจเพียงแค่จะไปบริเวณค่ายผู้ลี้ภัยในซีเรีย แล้วก็จะเดินทางกลับญี่ปุ่นในวันที่ 12 มีนาคม

“ผมเตรียมมาตรการความปลอดภัยเอาไว้แล้ว ผมจะถอยทันทีหากผมรู้สึกว่าชีวิตของผมกำลังอยู่ในอันตราย มันเป็นงานของผมที่จะต้องมีชีวิตรอดกลับมาเพื่อบอกเล่าสิ่งที่ผมได้พบเจอ” ซูกิโมโตะ บอกกับนักข่าวทางโทรศัพท์

เขาบอกอีกว่า การยึดพาสปอร์ตคือการปล้นสิทธิของเขาและแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของอาเบะได้หันเขี้ยวเล็บเข้าใส่สาธารณชน

แหล่งข่าวของกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ ทางกระทรวงและทางตำรวจได้ขอให้ซูกิโมโตะงดการเดินทางไปซีเรีย แต่ช่างภาพฟรีแลนซ์รายนี้ยืนยันการตัดสินใจเดิมที่จะไปประเทศดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่จากสำนักนายกรัฐมนตรีต้องใคร่ครวญอยู่นานก่อนจะใช้มาตรการยึดพาสปอร์ต

ข้อมูลที่ได้จากซูกิโมโตะ มีการระบุว่า เจ้าหน้าที่ของกระทรวงและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกกับเขาที่หน้าบ้านช่วงคืนวันเสาร์ ว่าจะทำการจับกุมเขาหากไม่ยอมส่งมอบพาสปอร์ต เขาจึงต้องยอมทำตามคำสั่งของทางกระทรวง

ซูกิโมโตะบอกว่าเขาเคยเข้าไปในพื้นที่สู้รบมาแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีการไปอิรักในปี 2003 แล้วก็เคยไปซีเรียในปี 2012 กับ 2013 ซึ่งเป็นการไปเรื่องงาน


กำลังโหลดความคิดเห็น