เอเอฟพี - ภายหลังพยายามพิสูจน์อัตลักษณ์ศพที่เชื่อว่า น่าจะเป็นร่างนักศึกษาวิทยาลัยครู 43 ชีวิตที่สูญหายไปในเม็กซิโก ล่าสุดวานนี้ (20 ม.ค.) เจ้าหน้าที่จากห้องทดลองออสเตรียชี้ว่า ศพเหล่านี้หลงเหลือดีเอ็นเอไม่มากพอที่จะนำไปพิสูจน์ตัวตนของผู้เสียชีวิต
นักวิทยาศาสตร์จากเมืองอินส์บรุค กำลังใช้ดีเอ็นเอจากเยื่อหุ้มไมโทคอนเดรียจากตัวอย่างที่เก็บมาเพื่อทำการทดสอบทางพันธุกรรม เพื่อระบุอัตลักษณ์ของชิ้นส่วนมนุษย์ 17 ชุด ที่รัฐบาลเม็กซิโกส่งไปตรวจที่ห้องแลบ
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ออสเตรียกล่าวว่า ตัวอย่างดีเอ็นเอที่อัยการส่งตรวจกับห้องแลบนั้นถูก “ความร้อนจัด” ทำลายโดยเกือบทั้งหมด โดยมีเหลือรอดเพียงแค่กรณีเดียว จึงไม่สามารถใช้ระบุอัตลักษณ์ของเหยื่อผู้เสียชีวิตได้
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า อาจส่งตัวอย่างเหล่านี้ไปเข้ารับการตรวจที่ละเอียดอ่อนกว่านี้ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่า การทดสอบทางพันธุกรรมเพิ่มเติมนั้นจะให้ผลที่ต่างไปจากเดิมหรือไม่
ทั้งนี้ คนโดยมากต่างปักใจเชื่อว่า นักศึกษาที่อันตรธานหายไปนานหลายเดือนกลุ่มนี้ น่าจะถูกขบวนการค้ายาเสพติดที่มีความสัมพันธ์กับตำรวจลักพาตัวไปสังหารหมู่
นักศึกษากลุ่มนี้ ซึ่งทั้งหมดเรียนที่วิทยาลัยครูแห่งหนึ่งในแถบชนบท ซึ่งเป็นที่โจษจันว่ามีจุดยืนซ้ายจัด ได้หายตัวไปภายหลังมีรายงานว่า พวกเขาถูกตำรวจท้องถิ่นและสมาชิกแก๊งค้ายา “เกร์เรโรส อูนิโดส” กราดยิง ในเมืองอิกัวลา เมื่อวันที่ 26 กันยายน ปีที่แล้ว
นับตั้งแต่นั้นมา ก็แทบไม่มีใครทราบข่าวคราวของนักศึกษากลุ่มนี้อีกเลย ทว่า ผลการสืบสวนชี้ว่า พวกเขาอาจถูกฆ่า แล้วนำร่างไปเผาทำลาย ก่อนนำเถ้าถ่านไปโยนทิ้งในแม่น้ำ
นับตั้งแต่วัยรุ่นกลุ่มนี้อันตรธานหายไป ทางการแดนจังโก้ได้เข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยแล้วประมาณ 100 คน ในยามที่คดีนี้จุดประกายให้เกิดเสียงประณามไปทั่วเม็กซิโก
ในหมู่ผู้ที่ถูกจับกุมนั้นมีทั้งตำรวจท้องถิ่น นายกเทศมนตรีเมืองอิกัวลาและภริยา ตลอดจนน้องสาวของพ่อค้ายาเสพติดชื่อกระฉ่อน และผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกแก๊งเกร์เรโรส อูนิโดส
/center>