เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - พายุฝนที่พัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่คืนวันจันทร์ (12 ม.ค.) ต่อเนื่องจนถึงวันอังคาร (13 ม.ค.) ในบราซิลได้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าและสายส่ง ส่งผลให้ประชาชนกว่า 800,000 คนในนครเซาปาลูต้องใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมิดและไม่มีไฟฟ้าใช้
รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า ฝนที่ตกกระหน่ำต่อเนื่องรวมถึงลมพายุที่มีความเร็วไม่ต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดจนเหตุ “ฟ้าผ่า” ที่เกิดขึ้นมากถึงเกือบ 8,000 ครั้งตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ทั่วเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอย่างนครเซาเปาลู ที่เป็นบ้านของประชากรมากกว่า 11.89 ล้านคน และเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 12 ของโลก
ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลให้ชาวเมืองกว่า 800,000 คนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ และถือเป็นปัญหาไฟกับครั้งใหญ่หนที่ 2 ในแดนแซมบ้าภายในระยะเวลาห่างกันไม่กี่สัปดาห์ หลังจากที่เกิดเหตุเช่นเดียวกันนี้มาแล้วเมื่อ 29 ธันวาคมปีที่แล้วและทำให้ประชาชนกว่า 500,000 คนได้รับผลกระทบในครั้งนั้น
ด้านเฟร์นันโด ฮัดดาด นายกเทศมนตรีนครเซาเปาลูออกมาแถลงในวันอังคาร (13) ให้คำมั่นจะประสานให้บริษัทเอกชนที่รับผิดชอบเร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนโดยเฉพาะในยามค่ำคืนในช่วงที่ไฟฟ้าดับ
ทั้งนี้ นอกเหนือจากปัญหาไฟฟ้าดับทั่วทั้งเมืองเซาเปาลูแล้ว พายุฝนที่พัดกระหน่ำต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ (12) ยังทำให้เกิดน้ำท่วมขังตามถนนหลายสาย รวมถึงเขตที่อยู่อาศัยหลายแห่งและพบต้นไม้โค่นล้มลงมาเกือบ 80 ต้น รวมถึงเสาไฟฟ้าจำนวนหนึ่ง