เอเอฟพี – กลุ่มผู้ประท้วงราว 3,000 คนแห่ออกมาเดินขบวนกันตามท้องถนนเส้นต่างๆ ย่านใจกลางกรุงเม็กซิโกซิตีวานนี้ (26) สามเดือนหลังจากการหายสาบสูญของนักศึกษา 43 คนที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นการสังหารหมู่
นักศึกษากลุ่มนี้หายสาบสูญไปเมื่อวันที่ 26 กันยายน ซึ่งค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าเป็นสังหารหมู่โดยกลุ่มมิจฉาชีพที่มีตำรวจหนุนหลัง อันเป้นชนวนให้เกิดการลุกฮือประท้วงทั่วประเทศและสร้างวิกฤตหนักให้กับประธานาธิบดี เอ็นริเก เปนญา เนียโต แห่งแดนจังโก้
การเดินขบวนครั้งล่าสุดนี้ที่นำหน้าโดยบรรดาพ่อแม่ , ญาติพี่น้องและเพื่อนพ้องของผู้สุญหาย รวมถึงนักศึกษาจากวิทยาลัยครูของพวกเขาในรัฐเกอร์เรโรทางตอนใต้
“เราอยากให้พวกเขายังมีชีวิตอยู่” กลุ่มผู้ประท้วงป่าวร้อง ขณะเดินอยู่หลังภาพถ่ายขนาดมหึมาของนักศึกษาผู้สูญหายและธงเม็กซิโกขนาดใหญ่ที่สีแดงและเขียวของธงถูกแทนที่ด้วยสีดำ
“อยอตซินาปาต้องการอะไร!” แกนนำการประท้องร้องถาม โดยเอ่ยถึงหนึ่งในชื่อของนักศึกษาผู้สูญหาย “ความยุติธรรม! ความยุติธรรม!” ฝูงชนขานตอบ
หากมีการยืนยันว่านักศึกษาทั้งหมดเสียชีวิตแล้วจริง คดีนี้จะได้นับว่าเป็นหนึ่งในการสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดในสงครามยาเสพติดในเม็กซิโก ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 80,000 คน และทำให้มีผู้สูญหายอีก 22,000 คน นับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา
ทางการ ระบุว่า กลุ่มนักเรียนผู้มีความใฝ่ฝันจะเป็นครูเหล่านี้หายตัวไป หลังจากตำรวจที่มีสายสัมพันธ์กับแก๊งอันธพาลได้โจมตีรถบัสของพวกเขาในเมืองอิกัวลา ตามคำสั่งของนายกเทศมนตรีและภรรยาของเขาในค่ำคืนแห่งความหวาดกลัวที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 6 คน
หลังจากนั้น ตำรวจกลุ่มนี้ได้ส่งตัวนักศึกษาเหล่านี้ไปให้สมาชิกของแก๊งค้ายาเสพติด เกอร์ริรอส ยูนิโดส ซึ่งบอกกับทีมสืบสวนในภายหลังว่า พวกเขาพานักศึกษากลุ่มนี้ขึ้นรถบรรทุกสองคันเพื่อไปยังที่หลุมฝังและสังหารพวกเขา จากนั้นก็เผาร่างของพวกเขาและทิ้งพวกเขาลงไปในแม่น้ำ
สำหรับในตอนนี้ มีนักศึกษาในกลุ่มนี้เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกระบุตัวตนอย่างแน่ชัดแล้วจากกองศพไหม้เกรียม ซึ่งจุดประกายความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะได้พบอีก 42 คนที่เหลือ
เมื่อวันคริสมาสต์อีฟ พ่อแม่ของนักศึกษากลุ่มนี้ได้ออกมาประท้วงท่ามกลางฝนตกหนักที่หน้าทำเนียบประธานาธิบดีลอสปินอส และอีกสัญญาณของความรุนแรงที่ยังคงครอบงำรัฐเกอร์เรโร ศพของบาทหลวงรายหนึ่งได้ถูกพบพร้อมกับรอยแผลจากกระสุนบนศรีษะ โดย กรีกอรีโอ โลเปซ ถูกพบในเขตเทียร์รา คาเลียนเต สองเดือนหลังจากมีการศพบาทหลวงอีกรายหนึ่ง
