เอเอฟพี - โซการ์ ซาร์เนฟ นักศึกษาหนุ่มมือผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดงานแข่งขัน “บอสตันมาราธอน” วานนี้ (18 ธ.ค.) เดินทางไปขึ้นศาลในสภาพผมเผ้ารุงรัง ไว้หนวดเครา ทว่าแสดงสีหน้าตั้งอกตั้งใจ โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบ 17 เดือนที่เขาออกมาปรากฏตัวในที่สาธารณะ ก่อนจะถึงกำหนดพิจารณาคดีในเดือนหน้า
บรรยากาศแห่งความตึงเครียดเข้าครอบงำศาลกลางสหรัฐฯ ในเมืองบอสตัน ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เกิดเหตุลอบวางระเบิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2013 จนเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บ 264 คน โดยถือเป็นเหตุโจมตีครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์ 11 กันยา
ในช่วงสิ้นสุดการขึ้นศาล หญิงคนหนึ่งตะโกนให้กำลังใจซาร์เนฟ เป็นภาษารัสเซีย และในระหว่างที่ผู้ต้องหากำลังเดินไปขึ้นศาลก็มีเหยื่อที่ถูกลูกหลงจากการแข่งขันวิ่งมาราธอน แสดงความโกรธแค้นด้วยการถลกขากางเกงโชว์ขาเทียม ต่อหน้ากลุ่มผู้ชุมนุมที่เชื่อว่า ซาร์เนฟ เป็นผู้บริสุทธิ์
ซาร์เนฟ หนุ่มวัย 21 ปีในชุดสวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำ กางเกงขายาวสีเทา และมีผมเผ้าหยิกกระเซิง นั่งลงตรงกลางระหว่างทนายหญิงสองคน ในห้องพิจารณาคดีที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คน เพื่อฟังสิ่งที่เขาต้องเตรียมการสำหรับเข้ารับการพิจารณาคดีในเดือนมกราคม 2015
เขาตอบคำถามผู้พิพากษา จอร์จ โอทูล เงียบๆ ด้วยความใจเย็น ระหว่างขั้นตอนในชั้นศาลที่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เมื่อสอบถามว่า เขาพอใจกับการตัวแทนทางกฎหมายของเขาหรือไม่ เขาก็บอกว่า “มากๆ”
ซาร์เนฟถูกกล่าวหาว่าร่วมมือกับพี่ชาย ทาร์เมอลัน ก่อเหตุโจมตีที่บอสตัน ก่อนที่พี่ชายของเขาจะถูกวิสามัญฆาตกรรม และซาร์เนฟ ยังถูกระวางโทษสถานหนักถึงขั้นประหารชีวิตอีกด้วย
เขาปฏิเสธไม่ยอมรับผิดในข้อหา 30 กระทง
เหตุโจมตีครั้งนั้นได้ฉุดให้การแข่งขันวิ่งมาราธอนของเมืองบอสตัน ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า และกระตุ้นให้เกิดความขยาดกลัวการก่อการร้ายในสหรัฐฯ หลังเกิดเหตุกลุ่มหัวรุนแรง อัลกออิดะห์ จี้เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ ผ่านพ้นไปนานกว่า 1 ทศวรรษ
กระบวนการพิจารณาคดีอาจกินเวลานานเป็นเดือนๆ
การนัดสืบพยานวานนี้ (18) คือครั้งแรกที่ซาร์เนฟออกมาปรากฏตัวในที่สาธารณะ ภายหลังที่เขาออกมาปฏิเสธทุกข้อหาเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2013
ในเวลานั้นเขายังคงมีอาการบาดเจ็บจากการหลบหนี ขณะที่วานนี้ (18) เขาดูมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
ขณะสิ้นสุดการขึ้นศาล เอเลนา เทเยอร์ ก็กู่ร้องออกมาเป็นภาษารัสเซีย ทั้งนี้เธอเป็นแม่ยายของ อิบรอกิม โทดาเชฟ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่เอฟบีไอยิงเสียชีวิตเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2013 ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเค้นถามว่า เขามีสายสัมพันธ์อย่างไรกับทาเมอร์ลัน
เธอตะโกนว่า “คนมากมายคอยเอาใจช่วยเธออยู่ เราทุกคนสวดภาวนาให้เธอ เราทุกคนรู้ดีว่าเธอบริสุทธิ์” จากนั้นเธอก็ตะโกนออกมาเป็นภาษาอังกฤษว่า “หยุดฆ่าคนบริสุทธิ์เสียที!” ก่อนที่จะเธอถูกพาตัวออกไปจากศาล
มาร์ก ฟูคาริล ชายที่เสียขาข้างหนึ่งในเหตุระเบิด เดินเข้ามาในศาลโดยใช้ไม้เท้า
เขาร้องถามว่า “คิดว่าเขาถูกใส่ร้ายงั้นสิ” ก่อนที่จะถลกขากางเกงโชว์ขาเทียมให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ชูป้ายแสดงความกังขาขั้นตอนการสืบสวนของสำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ)
ทางการได้ตั้งข้อหาซาร์เนฟรวมหลายสิบกระทงด้วยกัน รวมทั้งใช้ระเบิดที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงจนเป็นเหตุผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตลอดจนสมคบกันวางระเบิดในที่สาธารณะจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และจี้ปล้นรถยนต์
เขาและ ทาเมอร์ลัน ถูกกล่าวหาว่า ซุกระเบิดที่ทำจากหม้อนึ่งความดันไว้ในกระเป๋าเป้ แล้วนำไปวางไว้ใกล้เส้นชัยในการแข่งขันมาราธอน
นอกจากนี้ ซาร์เนฟยังถูกตั้งข้อหาว่า มีส่วนพัวพันกับการกราดยิงตำรวจในสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (เอ็มไอที) ในช่วงที่สองพี่น้องพยายามหลบหนีจากการจับกุม หลังลอบวางระเบิดได้ไม่ทันข้ามคืน
ทั้งนี้ กระบวนการพิจารณาคดีนั้นอาจกินเวลานาน 2-3 เดือน
ได้รับแรงบันดาลใจจากนิตยสารของ “อัลกออิดะห์”
เมื่อปี 2002 ซาร์เนฟซึ่งเป็นพลเมืองสหรัฐฯ เชื้อสายมุสลิมเชเชน ได้อพยพไปอาศัยอยู่ในแดนอินทรีพร้อมครอบครัว ก่อนที่เขาจะได้รับสัญชาติอเมริกันเมื่อปี 2012
ว่ากันว่าเขาเคยเขียนอธิบายเหตุจูงใจในการวางระเบิดที่บอสตันด้วยลายมือหวัดๆ บนผนังเรือในสวนแถบชานเมืองขณะตนเองถูกควบคุมตัวไว้บนเรือ หลังเหตุโจมตีผ่านพ้นไปนานหลายวัน
ซาร์เนฟเขียนว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ สังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ของเรา ... ผมทนเห็นการกระทำอันชั่วร้ายนี้ถึงไม่ถูกลงที่ไม่ไดรับการลงโทษไม่ได้ เรามุสลิมเป็นหนึ่งเดียว คุณทำร้ายคนหนึ่ง เท่ากับทำร้ายพวกเราทุกคน ตอนนี้ผมไม่ต้องการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพราะผิดหลักศาสนาอิสลาม แต่จงหยุดฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ของเรา แล้วเราก็จะหยุดเช่นกัน"
เขาอพยพจากสาธารณรัฐดาเกสถานไปอาศัยที่เมืองบอสตันพร้อมกับครอบครัว ตอนอายุได้ 8 ขวบ และว่ากันว่าภูมิหลังและช่วงชีวิตวัยเด็กของเขาที่สาธารณรัฐคีร์กีซสถานมีอิทธิพลต่อความคิดของเขาอย่างรุนแรง
อัยการระบุว่า สองพี่น้องได้ประดิษฐ์ระเบิดขึ้นตามวิธีการในนิตยสารออนไลน์ของ กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าได้รับความช่วยเหลือจากขบวนการก่อการร้ายต่างชาติ