เอเจนซีส์/เอเอฟพี - เมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติด้วยคะแนน 219 ต่อ 209 เสียง ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณร่วม 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ทันก่อนกำหนดเส้นตายในเที่ยงคืนในวันพฤหัสบดี (11) ไม่ทำให้ก่อวิกฤตชัตดาวน์รอบใหม่ หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามาออกโรงกล่อมสมาชิกสายเดโมแครตช่วยลงคะแนนหนุนเพิ่มอีก 57 เสียง แต่ทำให้ผู้นำเสียงข้างน้อยสายเดโมแครตในสภาล่าง แนนซี เพโลซี ถึงกับหัวเสีย
เมื่อวานนี้ (11) ก่อนเส้นตายจะเกิดวิกฤตปิดหน่วยงานภาครัฐรอบใหม่ จอห์น โบห์เนอร์ และประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา สามารถฝ่าวิกฤตดันร่างกฎหมายงบดุลสหรัฐฯจำนวน 1.1 ล้านล้านผ่านการเห็นชอบในสภาผู้แทนราษฎราสหรัฐฯ โดยในตอนท้ายของการประชุม ประธานผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โบห์เนอร์ กล่าวขอบคุณ และเมอร์รีคริสต์มาสกับสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุมทุกคน ในขณะที่แฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในสภาสูงสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า ทางสภาสูงจะพิจารณาร่างกฏหมายการเงินในไฟท์บังคับต้องผ่านในวันศุกร์ (12)
ในการเห็นชอบร่างงบดุลจะทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางส่วนใหญ่ยังคงมีเงินใช้จ่ายไปจนถึงเดือนกันยายน 2015 แต่บางหน่วยงานอาจได้รับแค่เงินฉุกเฉินเท่านั้น เช่น กระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ หรือ DHS ได้รับผลกระทบ โดยจะได้งบฉุกเฉินเป็นเวลา 2 เดือนจากการที่สมาชิกพรรครีพับลิกันที่คุมสภาล่างสหรัฐฯต้องการบีบรัฐบาลสหรัฐฯและประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา จากการใช้อำนาจทางบริหารอนุญาตให้คนเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาสหรัฐฯตั้งแต่ยังเล็กไม่ต้องถูกส่งตัวกลับประเทศ
และสาเหตุนี้ทำให้ทางรีพับลิกันต้องการพิจารณางบประมาณของ DHS อีกครั้งในการประชุมสมัยหน้าที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จทั้งสภาสูงและสภาล่างสหรัฐฯ ซึ่งทางรีพับลิกันหวังจะใช้มือที่อยู่ในทั้งสองสภาเปลี่ยนแปลงแผนการปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองสหรัฐฯของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โดยบีบีซีสรุปถึงรายละเอียดสำคัญของงบประมาณสหรัฐฯรอบใหม่จากร่างงบดุลหนา 1,600 หน้าที่มีการเพิ่มการกำกับดูแลเพื่อประโยชน์ที่จะทำให้ทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่สหรัฐฯ ได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งมาตรการกำกับเหล่านี้ล้วนออกมาเพื่อประโยชน์ฐานเสียงของแต่ละพรรค เช่น
* อนุมัติให้พรรคการเมืองสหรัฐฯ สามารถได้รับเงินสนับสนุนจากบุคคลได้ถึง 324,000 ดอลลาร์เพิ่มจาก 32,400 ดอลลาร์
* ปิดกั้นไม่ให้ดีซี หรือเขตโคลัมเบีย (District of Columbia) สามารถใช้เงินของเขตเพื่อจัดตั้งระบบตรวจสอบสำหรับการอนุญาตให้การใช้กัญชาถูกต้องตามกฎหมาย
* มาตรการที่จะทำให้ Dodd-Frank Wall Street reform act การกำกับการเงินประเภทเสี่ยงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า swaps นั้นไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งDodd-Frank Wall Street reform act ออกมาในปี 2010 ในสมัยแรกของการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ของบารัค โอบามา
* ปิดกั้นกฎเกณฑ์บางส่วนของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ (EPA) ไม่ให้สามารถบังคับใช้
* ตัดงบประมาณของ EPA และสรรพากรสหรัฐฯ IRS
* เพิ่มงบอุดหนุนให้กับสำนักงานกำกับตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีท รวมไปถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ 57 เสียงที่ได้มาจากเดโมแครตหลังจากโอบามาประกาศวอนขอ แต่สมาชิกสภาล่างสายเดโมแครตส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะสนับสนุนรีพับลิกันในเรื่องนี้ และคนที่ไม่พอใจมากที่สุด คือ ผู้นำเสียงข้างน้อยสายเดโมแครตในสภาล่าง แนนซี เพโลซี โดยเธอประกาศว่า เธอรู้สึกผิดหวังมากที่สุดในจุดยืนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เพโลซีและสมาชิกเดโมแครตคนอื่นต่างไม่เห็นด้วยที่ข้อเสนอของพรรครีพับลิกันในการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการเงินจะเปิดโอกาสทำให้ธนาคารใหญ่ต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐหากเกิดวิกฤตการเงินรอบใหม่ เหมือนเช่นที่เคยเกิดในช่วง 2007-2008
และเพโลซีและสมาชิกผู้แทนราษฎรเดโมแครตยังไม่เห็นด้วยในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดจำกัดเพดานการที่บุคคลสามารถบริจาคได้ถึง 324,000 ดอลลาร์ ซึ่งในปี 2002 มีการปรับเปลี่ยนจำกัดการบริจาคในปี 2002 ที่อนุญาตให้สามารถบริจาคเงินเข้าพรรคได้ 32,400 ดอลลาร์ต่อคน
เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า พบว่าทั้งโอบามา และรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ต่างล็อบบี้คะแนนเสียงฝ่ายเดโมแครตด้วยการต่อสายโทรศัพท์ชี้แจงถึงสมาชิกผู้แทนราษฎรพรรคเดียวกันเพื่อชี้แจงเหตุผลที่ต้องขอให้ยกมือเพื่อผ่านร่างงบการเงินนี้
