รอยเตอร์ - เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล สั่งปลดรัฐมนตรีคลังและรัฐมนตรียุติธรรมในวันอังคาร (2 ธ.ค.) ส่งสัญญาณว่ากำลังแยกทางกับพรรคร่วมรัฐบาลที่เต็มไปด้วยความแตกแยก และเปิดทางสำหรับจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด
รัฐบาลของนายเนทันยาฮูซึ่งเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศเมื่อปีที่แล้ว ต้องเผชิญกับข้อติดขัดต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นการผ่านงบประมาณ 2015 และเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพลเมืองอาหรับเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติ ต่อกรณีออกกฎหมายประกาศเจตนาว่าประเทศเป็นของประชาชนชาวยิวเท่านั้น
ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลแห่งนี้เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่่ผ่านมา พบว่าค่อนข้างแน่ที่นายเนทันยาฮู จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 4 หากการเลือกตั้งจัดขึ้นในวันนี้ โดยพรรรคลิคุด พรรคขวาจัดของเขามีโอกาสสูงที่จะยังคงครองบัลลังก์พลังทางการเมืองใหญ่ที่สุดในอิสราเอลต่อไป
ในถ้อยแถลงจากสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่านายเนทันยาฮู จะยุบสภาเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเร็วขึ้น จากเดิมที่เขาจะหมดวาระในปี 2017
นอกจากนี้แล้วเขายังสั่งปลด ยาอีร์ ลาปิด รัฐมนตรีคลังและนางซิปี ลิฟนี รัฐมนตรียุติธรรม 2 หัวหน้าพรรคฝ่ายกลาง ออกจากตำแหน่ง หลังก่อความระคายเคืองแก่เหล่าพรรคฝ่ายขวาที่เป็นสมาชิกส่วนใหญ่ในคณะรัฐบาล “เท่าที่ผมได้ยินมา ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงเมื่อวานนี้ รัฐมนตรีลาปิดและลิฟนี ยังกล่าวโจมตีรัฐบาลอย่างหนัก ผมหมดความอดทนกับการมีฝ่ายค้านในรัฐบาลแล้ว” เนทันยาฮูระบุในถ้อยแถลง
คาดหมายว่าจะมีคำแถลงชี้แแจงถึงแรงจูงใจของการยุบสภาในวันพุธ (3 ธ.ค.) และเชื่อว่าน่าจะมีการประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า หลังจากได้ข้อสรุปเกี่ยวกับกำหนดวันเลือกตั้งแล้ว ขณะที่กูรูหลายคนให้ทัศนะว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดคือเดือนมีนาคมปี 2015
ในกรณีนี้ รัฐบาลจะยังคงอยู่ในอำนาจต่อไปจนกว่ารัฐบาลใหม่เข้าพิธีสาบานตน แต่เมื่อปราศจากเสียงสนับสนุนของลาปิดและลิฟนีแล้ว คณะบริหารชุดนี้ก็จะเป็นแค่รัฐบาลรักษาการเสียงข้างน้อย ที่คอยบริหารงานแบบวันต่อวันเท่านั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างเนทันยาฮูและลาปิดพังครืนลงหลังจากรัฐมนตรีคลังรายนี้ผลักดันยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ซื้อบ้านหลังแรก มาตรการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าโยนภาระแก่งบประมาณแผ่นดิน และด้วยอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นก็ดันให้ราคาบ้านแพงขึ้นเป็นเงาตามตัวด้วย
ในการเสียงของศึกเลือกตั้งปี 2015 น่าจะมีความคล้ายคลึงกับเมื่อปี 2013 โดยให้ความสำคัญกับประเด็นภายในประเทศมากที่สุด อย่างเช่นค่าครองชีพ แทนที่จะเป็นกิจการนานาชาติหรือความเป็นไปได้ของการคืนสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพกับปาเลสไตน์
ด้านนางลิฟนี มีความขัดแย้งกับเนทันยาฮูเกี่ยวกับกฎหมายรัฐชาติที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เธอดูอึดอัดใจกับรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่การเจรจาสันติภาพกับปาเลสไตน์พังครืนลงในเดือนเมษายน