เอเจนซีส์ - หญิงชาวออสเตรเลียถูกตำรวจจับกุมและตั้งข้อหาพยายามฆ่าวันนี้ (24 พ.ย.) หลังพบว่าทารกวัยแรกเกิดของเธอนอนร้องไห้อยู่ที่ก้นท่อระบายน้ำริมถนนสายหนึ่ง โดยพนักงานสอบสวนเชื่อว่าหนูน้อยน่าจะถูกทิ้งมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน
คนขี่จักรยานกลุ่มหนึ่งได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากท่อระบายน้ำที่ลึกราวๆ 2.5 เมตร บนเลนจักรยานริมถนนไฮเวย์ฝั่งตะวันตกของนครซิดนีย์ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (23) หลังเกณฑ์คนมาช่วยกันยกแผ่นคอนกรีตออกก็พบทารกเพศชายซึ่งถูกตัดสายสะดือเรียบร้อย ร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยผ้าห่มของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง นอนร้องไห้จ้าอยู่ที่ก้นท่อ
ตำรวจใช้เวลาหลายชั่วโมงตรวจสอบบันทึกของโรงพยาบาล และตามไปเคาะประตูบ้านสอบถามหญิงที่เพิ่งคลอดบุตร จนในที่สุดก็พบตัวหญิงวัย 30 ปีซึ่งเป็นมารดาของหนูน้อย
ตำรวจเปิดเผยว่า เด็กชายคนนี้ถูกนำไปทิ้งท่อระบายน้ำตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว (18) โดยคงจะถูกยัดลงไปในช่องเปิดเล็กๆ และร่วงลงไปที่ก้นท่อ
“หญิงคนหนึ่งถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า หลังจากมีการพบทารกถูกทิ้งท่อระบายน้ำทางตะวันตกของซิดนีย์เมื่อวันอาทิตย์... ตำรวจสันนิษฐานว่าทารกซึ่งน่าจะเกิดเมื่อวันจันทร์ (17) ถูกนำไปทิ้งไว้ตั้งแต่วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน” ถ้อยแถลงของตำรวจ ระบุ
ขณะนี้อาการของหนูน้อยยังอยู่ในขั้นสาหัสแต่คงที่
เดวิด ลากัตส์ ตำรวจประจำท้องที่ เควเกอร์ส ฮิลล์ ระบุว่า “เราต่างสลดหดหู่ที่เห็นเด็กทารกนอนอยู่ท่อระบายน้ำ... พวกเราคิดว่าเขาคงไม่รอดแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็รอด”
เดวิด ออตเต หนึ่งในนักขี่จักรยานที่ได้ยินเสียงหนูน้อย ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ เดลี เทเลกราฟ ว่า “ตอนแรกเราเข้าใจว่าอาจจะเป็นเสียงลูกแมว แต่พอลงไปข้างล่างก็ได้ยินชัดเจนว่าไม่ใช่ เป็นเสียงเด็กทารกแน่นอน”
“เราคิดถึงเจ้าหนูคนนั้น เขาเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักน่าชังจริงๆ”
ตำรวจไม่มั่นใจว่า หากไปพบช้ากว่านี้เด็กจะยังมีชีวิตรอดหรือไม่ เนื่องจากอุณหภูมิทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของซิดนีย์เมื่อวานนี้ (23) สูงถึง 40 องศาเซลเซียส
“เขาอดอาหารและขาดน้ำมาหลายวัน และอาจมีอาการติดเชื้อด้วย หากถูกทิ้งไว้ให้เผชิญความร้อนจัดนานกว่านี้ เขาอาจจะทนไม่ไหว” ลากัตส์กล่าว
ขณะนี้หนูน้อยอยู่ในความดูแลของสำนักงานบริการชุมชนและครอบครัวแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งจะประเมินว่าควรทำเช่นใดต่อไป