รอยเตอร์ – จีนและอาจอีก “ 2 หรือ 3” ประเทศมีความสามารถที่จะล่วงล้ำและปิดระบบคอมพิวเตอร์ของสาธารณูปโภคไฟฟ้า , เครือข่ายการบิน และบริษัทการเงินของสหรัฐฯ พล.ร.อ.ไมค์ โรเจอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) เผยวานนี้ (20)
ระหว่างให้การกับคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ โรเจอร์ กล่าวว่า ผู้รุกรานทางดิจิตอลสามารถที่จะเจาะระบบเหล่านี้และปฏิบัติภารกิจ “ลาดตระเวน” เพื่อค้นหาว่าเครือข่ายเหล่านี้เชื่อมต่อกันอย่างไร
โรเจอร์ กล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้เรากังวลคือการเข้าถึงและศักยภาพนั้นอาจถูกใช้โดยรัฐชาติ , กลุ่ม หรือบุคคล” และจีนคือหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพนั้น แต่ก็ยังมีประเทศอื่นๆ อีก “อาจจะมีอีก 1-2 ประเทศ” เขากล่าว และปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดระบบสาธารณะ
หง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า รัฐบาลจีนมีข้อ “ห้าม” การเจาะระบบไซเบอร์ และระบุว่า บ่อยครั้งจีนก็เป็นตกเป็นเหยื่อการโจมตีลักษณะนี้ที่มีต้นตอมาจากสหรัฐฯ
“รัฐบาลจีนปรามปรามกิจกรรมเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด ความจริงนี้ไม่อาจปฏิเสธได้” หง บอกกับผู้สื่อข่าวในการกล่าวสรุปต่อสื่อตามกำหนดการปกติในวันนี้ (21)
โรเจอร์ ได้ออกมาให้การสองวันหลังจากกฎหมายชำระบันทึกโทรศัพท์ที่เอ็นเอสเอรวบรวมไว้มหาศาลได้ตกไปในสภาสูง กลุ่มผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว (privacy advocate) น่าจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งเพื่อผ่านกฎหมายปฏิรูปกฎระเบียบการสอดแนมของสหรัฐฯ
เขากล่าวในการไต่สวนว่า บริษัทโทรศัพท์ยังคงให้บันทึกเหล่านั้นกับเอ็นเอสเออยู่จริง แต่อยู่ภายกฎระเบียบที่เข้มงวดกว่าตอนที่โครงการนี้ถูก เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตพนักงานสัญญาจ้าง เปิดโปงเมื่อปี 2013