เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ข้อมูลล่าสุดยืนยัน จำนวน “เด็กไร้บ้าน” ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นจนมีจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในยุคการบริหารประเทศของ “บารัค โอบามา” ชี้ในจำนวนประชากรเด็กทุกๆ 30 คนในเมืองลุงแซมจะมีเด็กไร้บ้าน 1 ราย
ศูนย์ครอบครัวคนไร้บ้านแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นซีเอฟเอช) เผยผลการศึกษาล่าสุดในรายงานชุด “America's Youngest Outcasts” พบข้อมูลว่า นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาก้าวขึ้นบริหารประเทศในสมัยแรกเมื่อ 20 มกราคม ปี 2009 เป็นต้นมา จำนวนของ “เด็กไร้บ้าน” ในสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มขึ้นเป็น “เกือบ 2.5 ล้านคน” แล้วนับถึงปี 2013 ที่ผ่านมา ถือเป็นจำนวนเด็กไร้บ้านที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาครั้งนี้ยังสรุปว่าในจำนวนประชากรเด็กทุกๆ 30 คนในเมืองลุงแซมเวลานี้ จะมีเด็กไร้บ้านรวมอยู่ด้วย 1 ราย
โดยที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียมีจำนวนเด็กไร้บ้านอยู่มากที่สุดในประเทศ คือ เกือบ 527,000 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 5 ของเด็กไร้บ้านทั่วสหรัฐฯ
ผลการศึกษาที่พบว่า จำนวนเด็กไร้บ้านในอเมริกาขณะนี้ที่มีจำนวนเกือบ 2.5 ล้านคนนั้น ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการสำรวจของกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ (ดีโออี) ที่ระบุ จำนวนเด็กไร้บ้านในเมืองลุงแซมมีจำนวนราว 1.3 ล้านคนเท่านั้น
ผลการศึกษาล่าสุดชี้ว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำและการว่างงานที่พุ่งสูงในยุคของรัฐบาลโอบามา คือ ต้นตอสำคัญที่ทำให้พ่อแม่ชาวอเมริกันจำนวนมากสูญสิ้นศักยภาพในการผ่อน-เช่าบ้าน และหลายครอบครัวต้องกลายสภาพจาก “มนุษย์เงินเดือน” เป็น “คนเร่ร่อน” ซึ่งรวมถึงบรรดาเด็กๆในครอบครัวเหล่านี้ที่ต้องกลายเป็นเด็กไร้บ้านในที่สุด
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานล่าสุดของเอ็นซีเอฟเอชยังระบุว่า จำนวนเด็กไร้บ้านในสหรัฐฯ ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 8 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2012-2013