เอเอฟพี – วานนี้ (15 พ.ย.) ประธานาธิบดี เรเซป ตอยยิป เออร์โดแกน แห่งตุรกีระบุว่า ชาวมุสลิมคือกลุ่มชนที่ค้นพบทวีปอเมริกาเมื่อศตวรรษที่ 12 หรือก่อนหน้าที่นักสำรวจและนักเดินเรือชาวเจนัว “คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส” จะเดินทางไปถึงทวีปดังกล่าวเกือบ 3 ศตวรรษ
ประธานาธิบดีอนุรักษนิยมผู้นี้แถลงออกอากาศ ระหว่างการประชุมซัมมิตผู้นำมุสลิมจากภูมิภาคละตินอเมริกา ณ นครอิสตันบูล ของตุรกีว่า “ละตินอเมริกา กับอิสลามเริ่มติดต่อกันตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 โดยชาวมุสลิมเป็นผู้ค้นพบอเมริกาเมื่อปี 1178 ไม่ใช่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส”
เออร์โดแกนกล่าวว่า “กะลาสีชาวมุสลิมเดินทางไปถึงอเมริกาตั้งแต่ปี 1178 (ซึ่งตรงกับที่) โคลัมบัสระบุว่า พบมัสยิดบนเนินเขา บนชายฝั่งคิวบา”
เออร์โดแกนแย้มว่า ตุรกีได้เตรียมสร้างมัสยิดในจุดที่นักสำรวจชาวเจนัวระบุว่า พบเห็นศาสนสถานของศาสนาอิสลาม
ผู้นำตุรกีกล่าวว่า “ผมอยากจะหารือเรื่องนี้กับพี่น้องชาว (มุสลิม) ในคิวบา การที่มีมัสยิดตั้งตระหง่านบนเนินเขาในวันนี้จะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก”
ตำราประวัติศาสตร์ต่างระบุว่า โคลัมบัสได้ย่างเท้าเหยียบทวีปอเมริกาเมื่อปี 1492 ขณะที่เขากำลังค้นหาเส้นทางเดินทะเลใหม่ไปสู่อินเดีย
เมื่อไม่นานมานี้ นักวิชาการซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมชี้ว่า มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ในอเมริกามาก่อนจะมีการค้นพบทวีปนี้ แม้ว่าจะไม่พบว่ามีซากสิ่งปลูกสร้างของศาสนาอิสลามแบบยุคก่อนโคลัมบัส
บทความซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1996 โดย ยูสเซฟ มรูเอห์ ได้เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง จากการที่นักประวัติศาสตร์ผู้นี้ได้ยกตอนหนึ่งในบันทึกการเดินทางของโคลัมบัส ที่ชี้ว่า พบมัสยิดในคิวบาขึ้นมาเป็นหลักฐานยืนยันการมีอยู่ของชาวมุสลิม แม้จะเป็นที่เข้าใจกันอย่างกว้างขวางว่า ข้อความดังกล่าวเป็นวิธีที่โคลัมบัส ใช้เปรียบเปรยรูปทรงของภูมิทัศน์ในบริเวณนั้นก็ตาม