เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ทางการสหรัฐฯ เผยพฤหัสบดี (13 พ.ย.) ระบุว่าราว 23 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า 1 ใน 5 ของเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในสหรัฐฯขณะนี้เป็นผู้ “สูบบุหรี่” ส่งผลให้กลุ่มวัยรุ่นอเมริกันมีสัดส่วนการตกเป็นทาสของบุหรี่สูงกว่ากลุ่มผู้ใหญ่ที่มีสัดส่วนการสูบบุหรี่อยู่ที่ 18.1 เปอร์เซ็นต์
ทิม แม็กอาฟี ผู้อำนวยการฝ่ายสุขภาพและการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ประจำศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) เปิดเผยว่า ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องทุ่มเทมากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อป้องกันเยาวชนคนรุ่นใหม่จากการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกรูปแบบ ก่อนที่คนอเมริกันรุ่นใหม่จำนวนหลายล้านคน จะต้องเจ็บป่วยทนทุกข์และต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะพิษภัยของบุหรี่
ผู้อำนวยการฝ่ายสุขภาพและการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ของซีดีซียังเผยว่า ในขณะนี้ราว 9 ใน 10 ของผู้สูบรายใหม่ในสหรัฐฯนั้นมีประวัติการ “สูบบุหรี่มวนแรก” เมื่ออายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ขณะที่เกือบครึ่งหนึ่ง (ราว 46 เปอร์เซ็นต์) ของเด็กนักเรียนระดับมัธยมในสหรัฐฯ ยอมรับว่าเคยใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบมาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงชีวิตของตน
ข้อมูลจากรายงานของซีดีซีระบุว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากพิษภัยของบุหรี่มากกว่า 480,000 คนในสหรัฐฯ และสัดส่วนของผู้เสียชีวิตเพราะการสูบบุหรี่นี้มีสัดส่วนคิดเป็น 1 ใน 5 ของการเสียชีวิตทั้งหมดในเมืองลุงแซม ขณะที่รัฐบาลอเมริกันต้องสูญงบประมาณมากกว่า 289,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 9.48 ล้านล้านบาท) ต่อปีในการบำบัดรักษาและดูแลผู้ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากพิษภัยของยาสูบ