เอเอฟพี – นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลียกล่าววันนี้ (12) ว่า ผู้นำกลุ่มประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกควรใช้การประชุมซัมมิต G20 ในสุดสัปดาห์นี้ ปิดช่องโหว่ภาษีนิติบุคคลที่ทำให้ประเทศต่างๆ สูญเสียรายได้กว่าหลายพันล้านดอลลาร์
แอ็บบอตต์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม G20 ครั้งนี้ กล่าวว่า มี “ผลประโยชน์ส่วนตัวร่วมกัน” อยู่ในหมู่ชาติสมาชิกที่ขัดขวางไม่ให้บริษัทต่างๆ โยกย้ายผลกำไรจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งเพื่อลดตัวเลขในใบกำกับภาษีขอตน
เขาเตือนว่า มิเช่นนั้นแล้วภาระของปัจเจกบุคคลและบริษัทต่างๆ ที่รับผิดชอบภาระภาษีเต็มอัตรา ก็จะยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อไป
“นี่เป็นปัญหาสำหรับทุกเขตอำนาจศาล แน่นอนว่าสำหรับทุกเขตอำนาจศาลของทุกกลุ่มประเทศ G20 ด้วย เพราะหลายๆ ธุรกิจย่อมต้องการลดภาษีของตน” เขาบอกกับนิตยาสาร Australian Financial Review ก่อนการประชุมผู้นำกลุ่ม G20 จะเริ่มขึ้นที่เมืองบริสเบนในสุดสัปดาห์นี้
“สิ่งที่เราต้องการคือการแสดงเจตนารมณ์จากทั่วทุกประเทศ G20 ว่า บริษัทต่างๆ ควรจ่ายภาษีในเขตอำนาจศาลที่พวกเขาสร้างผลกำไร”
ผู้นำหัวอนุรักษ์นิยมรายนี้กล่าวว่า ไม่มีความผิดโดยเนื้อแท้ในการลดภาษี “แต่เราต้องการทำให้มั่นใจว่าวิธีที่ประเทศต่างๆ ใช้ควบคุมตัวพวกเขาเองนั้นจะไม่ได้อำนวยความสะดวกต่อการกระทำดังกล่าว”
บริษัทข้ามชาติต่างๆ รวมถึง ยักษ์ใหญ่ด้านดิจิตอลอย่าง แอปเปิล และ กูเกิล ถูกหลายประเทศกล่าวหาว่า ใช้กลยุทธทางภาษีที่ทำให้การชำระเงินของตนเองลดลง
เมื่อเดือนกันยายน แองเจล เกอร์เรีย ประธานองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) บอกในที่ประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของกลุ่มชาติ G20 ว่า จากการสืบสวนการหลบเลี่ยงภาษี ทำให้ตรวจพบเม็ดเงินแล้วถึง 3.7 หมื่นล้านยูโร (ราว 1.5 แสนล้านบาท) จากรายการปิดบังโดยเจตนาหลายรายการที่มี 24 ประเทศพัวพัน
แอ็บบอตต์ จะผลักดันให้บรรดาผู้นำ G20 เห็นพ้องกับมาตรฐานรายงานร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษี โดยมุ่งหมายเพิ่มความโปร่งใสและจัดการกับกลยุทธการหลบเลี่ยงภาษีนิติบุคคล โดยเฉพาะกับการโยกย้ายผลกำไร
การต่อสู้กับกลโกงทางการเงินนี้กลายมาเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมกับการเปิดโปงว่า ลักเซมเบิร์กให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับบริษัทกว่า 100 แห่งทั่วโลก