เอเอฟพี – รัฐสภามองโกเลียมีมติถอดถอนนายกรัฐมนตรี โนโรฟ อัลตันกูยัก ออกจากตำแหน่งวันนี้(5) ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นราคาทองคำ ทองแดง และถ่านหินที่เริ่มตกต่ำ อีกทั้งเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติที่ลดลง
สถานีโทรทัศน์มองโกเลียรายงานว่า สมาชิกรัฐสภาได้ลงมติ 34 ต่อ 66 เสียงให้ปลดนายกรัฐมนตรีออก ในขณะที่สมาชิกสภา 10 คนไม่มาปรากฏตัวในที่ประชุม ในจำนวนนี้เป็นคนในพรรคร่วมรัฐบาลเองถึง 8 คน
รัฐบาลผสมมองโกเลียมีหน้าที่คัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยต้องผ่านความเห็นชอบจากประธานาธิบดีและรัฐสภาเสียก่อน
รัฐบาลกรุงอูลานบาตอร์ตกอยู่ในภาวะระส่ำระสายตลอดเดือนตุลาคม หลังรัฐมนตรี 7 คนซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงเหมืองและกระทรวงการต่างประเทศพร้อมใจกันลาออก เพราะไม่พอใจที่สภายอมรับรองคำสั่งยุบกระทรวงจาก 16 เหลือเพียง 13 กระทรวง ตามคำสั่งของ อัลตันกูยัก
การลาออกของรัฐมนตรีทั้ง 7 เป็นเหตุให้ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนมองโกเลียฉวยโอกาสกดดันให้ อัลตันกูยัก แสดงความรับผิดชอบ และสุดท้ายแม้แต่คนในรัฐบาลเองก็ยอมรับว่านายกรัฐมนตรีผู้นี้คงจะอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว
ความขัดแย้งทางการเมืองทำให้รัฐบาลมองโกเลียไม่สามารถผลักดันงบประมาณได้สำเร็จ โดยร่างงบประมาณของ อัลตันกูยัก ถูกรัฐสภาปฏิเสธเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พร้อมกับเสียงวิจารณ์เรื่องการใช้เงินฟุ่มเฟือย และคาดการณ์เศรษฐกิจที่ดีเกินจริง
กฎหมายว่าด้วยเสถียรภาพด้านงบประมาณของมองโกเลียจะเริ่มมีผลบังคับอย่างสมบูรณ์ในปี 2015 โดยกำหนดให้รัฐบาลต้องคุมระดับหนี้สินไว้ไม่ให้เกิน 40% ของจีดีพี
“แน่นอนว่าใครก็ตามที่จะเข้ามาบริหารประเทศในปีหน้าจะต้องเผชิญปัญหาใหญ่มาก แม้แต่เงินเดือนพนักงานรัฐก็อาจไม่พอจ่าย” ลุฟซันวันดัน สุมาติ ประธานสำนักวิจัย สันต์ มาราล ฟาวเดชัน ในกรุงอูลานบาตอร์ ให้สัมภาษณ์
สำนักข่าวซินหวาของจีนรายงานเมื่อเดือนสิงหาคมว่า มองโกเลียส่งออกสินค้าไปยังจีนมากถึง 90% ส่วนใหญ่คือถ่านหินและทองแดง ขณะที่บริษัทต่างชาติซึ่งเข้าไปจดทะเบียนในมองโกเลียก็เป็นของนักธุรกิจแดนมังกรประมาณ 49%