เอเจนซีส์ - รัสเซียแถลงข่าวยืนยันในวันนี้ (30 ต.ค.) ว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ไม่ได้ป่วยด้วยโรคมะเร็งตับอ่อนซึ่งเป็นหนึ่งในประเภทชนิดร้ายแรงที่สุด หลังจากในสัปดาห์ที่ผ่านมา นิวยอร์กโพสต์ สื่อสหรัฐฯ รายงานว่าผู้นำรัสเซียป่วยด้วยโรคมะเร็ง และได้รับการรักษาจากแพทย์อดีตเยอรมันตะวันออก
เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานวันพฤหัสบดี (30) ว่า รัสเซียปฏิเสธการรายงานของ นิวยอร์กโพสต์ สื่อสหรัฐฯที่กล่าวหาว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กำลังล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน
โดยสำนักข่าวรัสเซีย RIA Novost รายงานการให้สัมภาษณ์ของโฆษกประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิตรี เพสคอฟ หลังจากถูกตั้งคำถามถึงรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์สหรัฐฯ ถึงปัญหาสุขภาพของผู้นำประเทศที่เผยแพร่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ฝันไปเถอะ ขอให้พวกที่กุข่าวได้รับกลับเป็นเช่นนั้น สุขภาพของประธานาธิบดีปูตินเป็นปกติ” เพสคอฟแถลง
ทั้งนี้ สื่อสหรัฐฯ พาดหัวข่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “ข่าวลือปูตินเป็นมะเร็งสะพัด!” โดยอ้างจากข่าวลือที่กระจายไปทั่วโปแลนด์และเบลารุส ว่า ปูติน บุรุษเหล็กในวัย 62ปีป่วยด้วยโรคมะเร็งไขสันหลัง แต่ริชาร์ด จอห์นสัน(Richard Johnson)นักข่าวประจำนิวยอร์กโพสต์อ้างว่า “แต่แหล่งข่าวได้บอกกับผมว่า โรคที่กำลังรุมเร้าปูตินอยู่นั้นคือ มะเร็งตับอ่อน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว”
นิวยอร์กโพสต์รายงานเพิ่มเติมว่า “ปูตินได้รับการรักษาอย่างลับๆจากแพทย์อาวุโสจากอดีตเยอรมันตะวันออกซึ่งคนทั้งคู่ได้เคยพบกันในอดีตในสมัยที่ปูตินยังคงทำงานให้กับหน่วย KGB ของอดีตสหภาพโซเวียต ซึ่งได้พยายามใช้วิธีการรักษาหลายอย่าง รวมไปถึงการฉีดสเตียรอยด์ ซึ่งสามารถอธิบายถึงสภาพร่ายกายที่บวมขึ้นของผู้นำรัสเซีย แต่ผมได้ข้อมูลว่าแพทย์ที่ทำการรักษาได้ลาออก เพราะแพทย์ในวัย 84 ปีคนนี้ไม่ประสงค์ที่จะเดินทางมารัสเซียและได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมจากหน่วยรักษาความปลอดภัยของปูติน”
สื่อสหรัฐฯ อ้างไปถึงการที่ปูตินได้ใช้เวลาหยุดพักผ่อนในไซบีเรียเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปีของการอยู่ในอำนาจเพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ 62 ปีที่ผ่านมา และยังชี้ว่า นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปูตินต้องเร่งรีบที่จะบุกไครเมียเพื่อขยายอาณาจักรรัสเซียให้กว้างไกลออกไปเช่นเดียวกับสมเด็จพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย หรือที่รู้จักในนาม พระเจ้าปีเตอร์มหาราช หรือสตาลิน จากเหตุผลด้านสุขภาพที่มีข่าวบางสายรายงานว่าปูตินมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 3 ปีเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัสเซียยังมีตารางการทำงานที่อัดแน่น และในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้กล่าวสุนทรพจน์ในโซชิ พร้อมกับยอมรับเป็นครั้งแรกต่อสาธารณชนถึงการยื่นมือช่วยอดีตประธานาธิบดียูเครน วิกเตอร์ ยานูโควิชหลบหนี รวมไปถึงตำหนิการกระทำของชาติตะวันตกอย่างดุเดือด
