เกิดเหตุสู้รบอย่างรุนแรงขึ้นในวันศุกร์ (3 ต.ค.) ระหว่างกองกำลังชาวเคิร์ด กับเหล่านักรบญิฮัดรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่เข้าปิดล้อมเมืองโคบานี ซึ่งเป็นชัยภูมิสำคัญใกล้กับชายแดนตุรกี
กลุ่มไอเอสในซีเรียได้ยกกำลังพลบุกเข้ามาอยู่ห่างจากเมืองโคบานี หรือที่รู้จักกันในภาษาอาหรับว่า "ไอน์ อัล-อาหรับ" เพียงแค่ไม่กี่กิโลเมตร แม้ว่าจะมีการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ คอยสนับสนุนกองกำลังชาวเคิร์ดก็ตาม
นักข่าวเอเอฟพี รายงานจากบริเวณชายแดนในฝั่งตุรกี ว่ามีการระดมยิงปืนครกใส่กันรอบๆ เมือง เสียงดังกึกก้องไปทั่วแนวชายแดนในแถบนั้น ขณะที่มีควันสีขาวลอยฟุ้ง
เคเฟอร์ เซเวน ชาวเคิร์ดในตุรกีวัย 48 ปี ผู้ซึ่งมาที่บริเวณจุดข้ามชายแดน เมอร์ซิตปินา ตั้งแต่เมื่อ 10 วันก่อน กล่าวว่า "เรามองดูสิ่งที่พวกฆาตรกรไอเอสกำลังทำอยู่อย่างสิ้นหวัง"
"เราทุกคนเสียใจอย่างลึกซึ้ง พี่น้องของเรากำลังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก นี่มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก" เขากล่าวในขณะที่กำลังจ้องมองกลุ่มควันสีขาวลอยอยู่เหนือโคบานี
ชาวเคิร์ดต่างพากันโกรธแค้นและผิดหวังต่อนโยบายของตุรกีที่มีกับกลุ่มไอเอส โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลตุรกีนั้นทำเป็นมองไม่เห็นความเลวร้ายของเหล่านักรบญิฮัด และปฏิเสธที่จะให้ชาวเคิร์ดในตุรกีข้ามชายแดนเพื่อไปสู้รบในซีเรีย
"การสังหารหมู่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าสายตาของชาวโลก ทั่วโลกยังคงนิ่งเงียบในขณะที่ชาวเคิร์ดกำลังถูกฆ่า" เบอร์ฮาน อัตมากา วัย 54 ปี ผู้มายังเมอร์ซิตปินา เพื่อให้กำลังใจนักรบชาวเคิร์ดในซีเรีย
กลุ่มไอเอสได้เริ่มการโจมตีครั้งใหญ่เข้าใส่โคบานีตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ลี้ภัยกว่า 160,000 คนต้องหนีข้ามพรมแดนเข้าไปในตุรกี ด้านรัฐสภาตุรกีได้อนุมัติการใช้กำลังทหารต่อกลุ่มไอเอสแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี (2 ต.ค.)