รอยเตอร์ - ชะตากรรมของกลุ่มนักโทษที่ถูกกองทัพสหรัฐฯ คุมขังไว้อย่างลับๆในคุกที่อัฟกานิสถานกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ผู้บัญชาการเรือนจำแห่งนี้กล่าว ขณะที่วอชิงตันกำลังมองหาทางเลือกต่างๆ หลังจากสิทธิตามกฎหมายของสหรัฐฯในการคุมขังพวกเขาเอาไว้จะหมดอายุในเดือนธันวาคมนี้
พลจัตวา แพทริก เจ.ไรเนิร์ท บอกกับรอยเตอร์ว่า นักโทษเหล่านี้ซึ่งล้วนเป็นชาวต่างชาติที่ถูกจับกุมในสมรภูมิต่างๆ ทั่วโลก อาจถูกเคลื่อนย้ายไปยังระบบศาลของสหรัฐฯหรือไม่ก็ทางเลือกสุดท้ายคือเรือนจำอ่าวกัวตานาโมในคิวบา
ความลังเลใจเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำกับนักโทษที่ถูกคุมขังในเรือนจำใกล้ฐานทัพอากาศบากรัมซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงคาบูล ได้ย้อนให้นึกถึงความเดือดดาลในเรื่องนโยบายส่งผู้ร้ายข้ามแดนของสหรัฐฯในช่วงแรกของสงครามอัฟกานิสถานขึ้นมาอีกครั้ง
ในช่วงไม่กี่ปีหลังจากเหตุโจมตีสหรัฐฯเมื่อวันที่ 11 กันยายนปี 2001 ผู้ต้องสงสัยเป็นนักรบติดอาวุธหลายคนถูกลักพาตัวและคุมขังในเรือนจำทั่วโลกโดยไม่มีการตั้งข้อหาหรือหลักฐานใดๆ
สหรัฐฯ ยกเลิกนโยบายดังกล่าวในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แต่การที่ยังมีผู้ถูกคุมขังใกล้บากรัมถือเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าประเด็นนี้ยังไม่จบ
ไรเนิร์ทบอกกับรอยเตอร์ว่า “เราต้องปลดเปลื้องชะตากรรมของพวกเขาด้วยการส่งพวกเขากลับไปยังประเทศบ้านเกิดหรือส่งพวกเขาให้ทางการอัฟกานิสถานเพื่อดำเนินคดี หรือไม่ทางเลือกกระทรวงกลาโหมก็เป็นต้องใช้ทางเลือกอื่นๆ ในการแก้ไขปัญหา”
สำหรับตัวตนของนักโทษเหล่านั้นแทบจะไม่มีข้อมูลใดๆ เล็ดลอดออกมาเลย โดยสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยสัญชาติของพวกเขา, สถานที่ที่พวกเขาถูกจับมา และยังมีพวกเขาอยู่ในการคุมขังของแดนอินทรีมากน้อยเพียงใด
สถานภาพของพวกเขาเป็นเรื่องเร่งด่วนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าสหรัฐฯกำลังสูญเสียสิทธิที่จะคุมขังนักโทษในอัฟกานิสถาน หลังจากภารกิจของกองกำลังที่นำโดยสหรัฐฯ บนแผ่นดินประเทศนี้จะสิ้นสุดลงในปี 2014
กลุ่มสิทธิมนุษยชน Justice Project Pakistan ระบุว่า นักโทษส่วนมากเป็นชาวปากีสถาน บางคนมาจากเยเมน, รัสเซีย และซาอุดีอาระเบีย
นักโทษเหล่านี้ยังอยู่ในการคุมขังของสหรัฐฯ หลักจากเรือนจำแห่งนี้ที่อยู่รอบนอกของฐานทัพบากรัมส่งตัวผู้ต้องขังชาวอัฟกันให้กับทางการอัฟกานิสถานเมื่อปีที่แล้ว