เอเอฟพี - วานนี้ (25 ก.ย.) เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ออกมาเชิญชวนให้จีนจัดประชุมซัมมิตร่วมกัน พร้อมทั้งกระตุ้นให้ปักกิ่งและโตเกียวเร่งหาทางบรรเทาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสองชาติยักษ์ใหญ่แห่งทวีปเอเชียอย่างสงบ
อาเบะกล่าวในการแถลงข่าวที่นครนิวยอร์ก ว่า เขาคาดหวังที่จะได้ประชุมนอกรอบกับ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ระหว่างที่ทั้งสองเข้าร่วมการประชุมซัมมิตความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่กรุงปักกิ่ง
อาเบะซึ่งเดินทางไปนิวยอร์ก เพื่อร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติกล่าวว่า “เพราะเราต่างมีประเด็นปัญหา เราจึงจำเป็นต้องพูดคุยกันโดยปราศจากเงื่อนไขเบื้องต้นใดๆ”
ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวว่า เขาคิดว่าเป็นการดีที่จะจัดการประชุมระดับผู้นำระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ขณะที่เขาเดินทางไปร่วมประชุมเอเปกที่กรุงปักกิ่ง โดยทั้งสองประเทศต้องบากบั่นพยายามอย่างสงบกันต่อไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
อาเบะได้ออกมาเรียกร้อง ให้มีการจัดการหารือร่วมกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แห่งแดนมังกรเช่นนี้เป็นอยู่ประจำ โดยล่าสุดคือเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทว่าถูกปักกิ่งปฏิเสธทุกครั้งไป
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ สายสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองชาติสั่นคลอนหนัก โดยประเทศคู่ค้ายักษ์ใหญ่ทั้งสองกำลังพิพาทแย่งชิงกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก นอกจากนี้จีนยังไม่พอใจที่นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ เดินทางไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิในกรุงโตเกียว ซึ่งบรรดาชาติเอเชียตะวันออกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิทหารอันป่าเถื่อนของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ นับตั้งแต่อาเบะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำแดนอาทิตย์อุทัยเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2012 ก็ไม่มีการจัดประชุมซัมมิตระหว่างญี่ปุ่นกับจีนเกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว
สถานการณ์ความตึงเครียดทวีความร้อนแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว ภายหลัง อาเบะเดินทางไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิ ซึ่งเป็นที่สิงสถิตของดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตในสงคราม รวมถึงนายทหารระดับสูงที่ถูกตัดสินว่าเป็นอาชญากรสงคราม
นอกจากนี้ ในระหว่างกรแถลงข่าว อาเบะแสดงทัศนะว่า การที่สหรัฐฯ และเหล่าชาติพันธมิตรอาหรับดำเนินปฏิบัติการทางอากาศถล่มกลุ่มนักรบญิฮาดในซีเรียเป็น “มาตรการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่า ญี่ปุ่นขอมีส่วนร่วมเฉพาะใน “การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเท่านั้น โดยไม่ขอมีส่วนร่วมในปฏิบัติการทหาร”
ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ อาเบะชี้แจงว่า ความช่วยเหลือที่ญี่ปุ่นส่งไปนั้น มีดังเช่น เงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่โตเกียวสัญญาว่า จะส่งไปสนับสนุนภารกิจบรรเทาทุกข์ในตะวันออกกลาง ที่กำลังได้รับผลกระทบหนักจากกลุ่มนักรบญิฮาด “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ที่ก่อเหตุโจมตีรุกรานพื้นที่กว้างขวางของอิรักและซีเรีย จนฉุดให้วิกฤตผู้ลี้ภัยในซีเรีย ที่แต่เดิมก็เลวร้ายอยู่แล้ว ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม