เอเจนซีส์ - เจ้าชายคาลิด บิน ซาลมาน (Khaled bin Salman )พระโอรสในมกุฎราชกุมาร เจ้าชายนาเยฟ บิน อับดุลลาซิซ อัล ซาอุด แห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงขับเครื่องบินขับไล่ F15 โจมตีกลุ่ม IS ในซีเรีย ซึ่งในการโจมตีครั้งนี้มีนักบินรบหญิงคนแรกของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เรืออากาศเอกหญิงมาเรียม อัล มานซูรี (Mariam Al Mansouri)ขับเครื่องบินขับไล่ F16 วัย 36 ปีรวมอยู่ด้วย หลังจากที่มีนักรบญิฮัดอังกฤษ 5 คนถูกสังหารจากการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ที่มีอิบราฮิม คามารา (Ibrahim Kamara) วัย 19 ปี ชาวอังกฤษที่รบให้กับกลุ่มอัล นุสรา ฟรอนต์ เครือข่ายอัลกออิดะห์ในซีเรีย รวมอยู่ในนี้ด้วย
สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(25)ว่า เจ้าชายคาลิด บิน ซาลมาน (Khaled bin Salman )พระโอรสในมกุฎราชกุมาร เจ้าชายนาเยฟ บิน อับดุลลาซิซ อัล ซาอุด แห่งซาอุดีอาระเบียทรงเป็นหนึ่งในนักบินรบครื่องบินขับไล่ F15ของกองทัพซาอุดีอาระเบียที่เข้าร่วมการโจมตี IS ทางอากาศในซีเรียกับสหรัฐฯในคืนที่ 3 พร้อมกับชาติอาหรับอื่นๆและชาติตะวันตกที่ประกอบไปด้วย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน จอร์แดน กาตาร์ ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ซึ่งกองทัพซาอุฯส่งเครื่องบินขับไล่ 4 ลำเข้าร่วมปฎิบัติการนี้
ทั้งนี้ไทมส์ สื่อสหรัฐฯรายงานว่า รัฐบาลซาอุฯได้เปิดเผยการเข้าร่วมปฎิบัติการของเจ้าชายคาลิด บิน ซาลมาน นั้นไม่เพียงแต่ต้องการให้มหาอำนาจชาติตะวันตกมั่นใจว่าทางซาอุฯมุ่งมั่นในการร่วมมือเพื่อกวาดล้าง IS แต่ยังต้องการส่งสารถึงประชาชนชาวซาอุฯให้รับรู้ทั่วกันว่า กลุ่มติดอาวุธสุหนี่สาธารณรัฐอิสลามนั้นเป็นศัตรูของซาอุดีอาระเบีย
เพราะเป็นที่สงสัยในวงกว้างว่าบรรดาเศรษฐีน้ำมันจากซาอุดีอาระเบียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเงินทุนสนับสนุนกลุ่ม IS อับดุลคาเลค อับดุลลา (Abdulkhaleq Abdulla) นักวิจารณ์ที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯอาหรับเอมิเรตส์ให้ความเห็นว่า “ซาอุดีอาระเบียไม่ได้หลบเลี่ยงไปไหน แต่มีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุขึ้นภายในประเทศ ผมหวังว่าสหรัฐฯคงจะพอใจในความร่วมมือครั้งนี้”
และเพื่อต้องการส่งสารไปให้กับประชาชนแดนเศรษฐีน้ำมันในประเทศ สื่อท้องถิ่นได้เผยแพร่ภาพหน้า 1 เป็นรูปทีมนักบินขับไล่จากกองทัพซาอุดีอาระเบีย พร้อมคำบรรยายใต้ภาพอธิบายประกอบว่า กลุ่ม IS ได้ทำลายภาพลักษณ์ของศาสนาอิสลาม และสร้างภาพให้คนทั้งโลกเข้าใจผิดเกี่ยวกับศาสนาว่า มีพื้นฐานอยู่บนความโหดเหี้ยมในการสังหารและลงโทษด้วยการตัดศรีษะ
และรวมไปถึงคำชื่นชมจากมกุฎราชกุมาร เจ้าชายนาเยฟ บิน อับดุลลาซิซ อัล ซาอุด แห่งซาอุดีอาระเบีย พระบิดาของเจ้าชายคาลิด บิน ซาลมาน หนึ่งในนักบินขับไล่ของกองทัพซาอุดีอาระเบีย
นอกจากนี้บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานถึงเรืออากาศเอกหญิงมาเรียม อัล มานซูรี (Mariam Al Mansouri)ขับเครื่องบินขับไล่ F16 วัย 36 ปีนักบินรบหญิงคนแรกของกองทัพสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ได้เข้าร่วมในปฎิบัติการนี้ เธอเข้าร่วมกองทัพอากาศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปี 2007 และโดดเด่นก้าวหน้าในหน้าที่การงานตามลำดับ และปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝูงบิน ทั้งนี้มาเรียม อัล มานซูรี เป็นหนึ่งในพี่น้องทั้งหมด 8 คน และเธอสำเร็จการศึกษาด้านวรรณคดีอังกฤษ
นอกจากนี้สื่ออังกฤษยังรายงานเพิ่มเติมว่า ในการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯในซีเรีย ได้สังหารนักรบญิฮัดอังกฤษ 5 คน และหนึ่งในนั้นเป็นนักรบญิฮัดอายุ 19ปีที่รบให้กับกลุ่มอัล นุสรา ฟรอนต์ กลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรีย โดยแหล่งข่าวนักรบญิฮัดชาวตะวันตกในซีเรียเผยว่า อิบราฮิม คามารา (Ibrahim Kamara) ที่ใช้ชื่อในซีเรียว่า คาลิล อัล-บริทานี(Khalil al-Britani) เสียชีวิตหลังจากสหรัฐฯบอมบ์เมืองอเลปโป
ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศอังกฤษยอมรับว่า อังกฤษรับรู้ถึงการเสียชีวิตพลเมืองอังกฤษในซีเรีย แต่เสริมว่าเป็นการยากที่จะตรวจสอบเพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเดินทางเข้าไปยังสมรภูมิรบได้
ในขณะที่คาดิยาห์ คามารา (Khadijah Kamara) วัย 35 ปีจากเมืองไบรตัน(Brighton)ได้เผยความรู้สึกต่อเดอะการ์เดียนสื่ออังกฤษว่า เธอรู้สึกมึนและชาเมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชายในวันอังคาร(23) โดยเธอกล่าวว่าเธอรู้ว่าลูกชายคนโตของเธอต้องตายแน่เมื่อทราบว่าเขาอยู่ในซีเรีย ซึ่งคามาราเปิดเผยให้สื่อทราบว่าอิบราฮิมโทรศัพท์ติดต่อมาหาเธอในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และบอกว่า “ตอนนี้ผมอยู่ในซีเรีย” และทำให้เธอวางหูโทรศัพท์ใส่เขา และเมื่อลูกชายของเธอโทรศัพท์กลับมาอีกครั้ง เธอสั่งลูกชายว่า “อย่าติดต่อมาอีก”
เป็นที่เข้าใจว่าอิบราฮิม คามาราสู้ให้กักลุ่ม Jabhat al-Nusra ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มอัลกออิดะห์ในอเลปโป ซีเรีย ทั้งนี้กลุ่มนี้เป็นปรปักษ์ต่อทั้งกลุ่มกบฎซีเรีย FSA และกลุ่ม IS ในสงครามกลางเมืองซีเรีย
นอกจากนี้มารดาของอิบราฮิมเปิดเผยว่า หลังจากการเสียชีวิตของบุตรชาย มีภาพร่างที่เสียชีวิตของอิบราฮิมส่งมาให้บุตรคนอื่นของเธอในอังกฤษ พร้อมกับข้อความ “ขอแสดงความยินดีด้วยพี่ชายของคุณได้ทำหน้าที่เสียสละแล้ว” และเธอยังยอมรับว่าเธอไม่เข้าใจเหตุผลในการเลือกของบุตรชายในการเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้าย และรวมถึงการที่เจ้าหน้าที่สนามบินที่อนุญาตให้อิบราฮิม คามาราแอบใช้พาสปอร์ตของน้องชายวัย 15 ปีเดินทางออกนอกอังกฤษ
อาเมอร์ เดกาเยส (Amer Deghayes) นักรบญิฮัดเพื่อนร่วมรบของอิบราฮิมที่มาจากไบรตันเช่นกันได้โพสต์ข่าวการเสียชีวิตของอิบราฮิมในเฟสบุ๊กของเขา