รอยเตอร์ – รัฐบาลออสเตรเลียเตรียมขยายอำนาจด้านความมั่นคงแบบใหม่ที่ครอบคลุม เพื่อต่อสู้ภัยคุกคามจากกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแดนจิงโจ้กล่าววันนี้ (22) ไม่นานหลังจากแคนเบอร์ราใช้ปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มการร้ายอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วมหลายร้อยคนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ภายใต้กฎหมายที่เข้มงวด ซึ่ง จอร์จ แบรนดิส รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า จะถูกเสนอเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภาในวันพุธ (24) พลเมืองออสเตรเลียที่เดินทางไปยังพื้นที่ใดก็ตามในต่างแดน ที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นพื้นที่ห้ามเดินทาง (off limits) จะถือว่ามีความผิดทางอาญา
แม้ว่าสหรัฐฯและยุโรปหลายชาติกำลังพิจารณามาตรการทางกฎหมายต่างๆ นานาเพื่อหยุดยั้งพลเมืองของตนไม่ให้เข้าไปพัวพันในความขัดแย้งในตะวันออกกลาง แต่ดูเหมือนกฎหมายที่ถูกเสนอมาในแดนจิงโจ้จะไปไกลกว่าประเทศอื่นด้วยการห้ามพลเมืองออสซี่เข้าพื้นที่เหล่านั้นโดยสิ้นเชิง
ออสเตรเลียเป็นกังวลเรื่องจำนวนพลเมืองจำนวนหนึ่ง ที่เชื่อว่ากำลังต่อสู้อยู่ในต่างแดนร่วมกับบรรดากลุ่มติดอาวุธ รวมถึงมือระเบิดฆ่าตัวตายที่สังหารประชาชน 3 คนในกรุงแบกแดดเมื่อเดือนกรกฎาคม และ ชาย 2 คนที่ปรากฏภาพในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งในรูปดังกล่าวพวกเขากำลังถือศีรษะทหารซีเรีย 2 คนซึ่งถูกตัดขาดจาดร่าง
แบรนดิส บอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงแคนเบอร์ราว่า “เรากำลังจะเพิ่มความผิดทางอาญาแบบใหม่ซึ่งก็คือความผิดฐานเดินทางไปยังพื้นที่หรือท้องถิ่นใดที่หนึ่ง ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศประกาศให้เป็นสถานที่ซึ่งแจ้งแล้ว”
แบรนดิส กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้จะมีข้อยกเว้นไว้สำหรับพลเมืองออสเตรเลียบางคน ในกรณีที่พวกเขาสามารถพิสูจน์ว่า พวกเขามีเหตุผลที่ฟังขึ้นสำหรับการอยู่ใน “พื้นที่ประกาศ” อย่างเช่น ผู้สื่อข่าว หรือ การไปเยี่ยมสมาชิกในครอบครัว เป็นต้น
นอกจากนี้ เขายังใช้ภาษาที่จำเพาะเจาะจงในกฎหมายฉบับนี้ ห้ามไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานด้านข่าวกรองใช้วิธีทรมาน หลังจาก ส.ว.อิสระ 2 คนได้ตั้งคำถามในสื่อเมื่อไม่กี่วันมานี้
นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ กล่าวว่า มีชาวออสเตรเลียอย่างน้อย 100 คนอยู่ในตะวันออกกกลาง เพื่อร่วมต่อสู้และสนับสนุนกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) หรือกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ และจำนวนคนเหล่านี้ก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายเดือนมานี้
ทางการแดนจิงโจ้เชื่อว่า มีพลเมืองอย่างน้อย 20 คน ที่กลับมายังออสเตรเลียแล้ว และก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคง และเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของออสเตรเลียได้เพิ่มระดับเตือนภัยที่มี 4 ขั้นเป็นขั้น “สูง” (ขั้นที่3) เป็นครั้งแรก
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (18) ตำรวจกว่า 800 คนได้ปฏิบัติภารกิจความมั่นคงในนครซิดนีย์และบริสเบน ซึ่งทางการระบุว่า สามารถขัดขวางแผนการของกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอส ซึ่งหมายก่อเหตุตัดศีรษะประชาชนแบบไม่เลือกหน้า
ในวันต่อมา (19) แอบบ็อตต์ ออกคำสั่งให้ยกระดับด้านความปลอดภัยที่รัฐสภาในกรุงแคนเบอร์รา หลังสาย” ข่าวกรองได้เปิดเผยแผนการที่จะโจมตีอาคารแห่งนี้และนักการเมืองด้วยคำสั่งจากกลุ่มติดอาวุธในต่างแดน
ด้านประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ คาดว่าจะใช้การปราศรัยต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันพุธ (24) เรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรของเขาที่มีสมาชิกแล้วกว่า 40 ชาติเพื่อขัดขวางไม่ให้กลุ่มไอเอขยายดินแดนของพวกเขาไปมากกว่านี้