เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ชาวสวีดิชแห่ใช้สิทธิในการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ (14 ก.ย.) ซึ่งพรรคโซเชียล เดโมแครตส์ ที่รั้งเก้าอี้ฝ่ายค้านมานานกว่า 8 ปี จ่อได้กลับมาครองอำนาจ ขณะที่กลุ่มการเมืองของพวกขวาจัดสามารถคว้าที่นั่งเพิ่มขึ้นได้อย่างสำคัญ
รายงานข่าวระบุว่า พรรคโซเชียล เดโมแครตส์แห่งสวีเดน (SAP) ภายใต้การนำของนายสเตฟาน ลอฟเวน ซึ่งชูนโยบายต่อต้านการรับผู้อพยพเข้าเมือง ส่อเค้าอาจได้ที่นั่งในรัฐสภาเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับ 112 ที่นั่ง ที่ได้มาจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 4 ปีก่อน
สาเหตุสำคัญที่พรรคเอสเอพีอาจคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปคราวนี้ เป็นเพราะนโยบายของพรรค “โดนใจ” ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจำนวนหลายล้านคนที่เริ่มรู้สึก “รับไม่ได้” กับการไหลบ่าเข้ามายังสวีเดนของบรรดาผู้อพยพ โดยเฉพาะจากยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
หากผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการออกมาสอดคล้องกับผลโพลล์ก่อนหน้านี้ที่ระบุ พรรคเอสเอพีจะสามารถคว้าที่นั่งได้ระหว่างร้อยละ 29-32 ก็จะส่งผลให้ สเตฟาน ลอฟเวน ในวัย 57 ปี ได้ก้าวขึ้นครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของ สวีเดน แทนที่เฟรดริค ไรน์เฟลด์ท ผู้นำกลุ่มการเมืองผสมระหว่างฝ่ายเสรีนิยมและอนุรักษนิยม ที่ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2006 และอาจได้ที่นั่งเพียงร้อยละ 22 ในการเลือกตั้งหนนี้
อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดกันว่า พรรคเอสเอพีจะต้องจับมือกับพรรคกรีนส์และพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นบริหารประเทศที่ได้ชื่อเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ในอีกด้านหนึ่ง พรรคการเมืองของพวกขวาจัดซึ่งชูนโยบายชาตินิยมสุดขั้วส่อเค้าอาจได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 9.6 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างสำคัญจากร้อยละ 5.7 ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2010
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา สวีเดนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนโยบายเป็นมิตรต่อผู้อพยพมากที่สุดในยุโรป
และในปีนี้มีข้อมูลว่า รัฐบาลสวีเดนอ้าแขนรับผู้อพยพเข้าประเทศสูงถึงเกือบ 90,000 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขการรับผู้อพยพเข้าเมืองที่สูงที่สุดของสวีเดน นับตั้งแต่ยุคสงครามกลางเมืองใน “คาบสมุทรบอลข่าน” ในช่วงทศวรรษ 1990