“มอสโก” ยอมรับจับ “สปายเอสโตเนีย” แต่ไม่ยอมให้กงสุลเอสโตเนียประจำรัสเซียเข้าพบ

เอเจนซีส์ - รัฐบาลเอสโตเนียที่ประเทศมีพรมแดนติดกับรัสเซียล่าสุดได้เปิดแถลงว่า ยังมีความพยายามที่จะติดต่อกับ เอสตัน โคห์เวอร์ (EstonKohver) เจ้าหน้าที่ตำรวจเอสโตเนียจากสำนักงานตำรวจความมั่นคงแห่งชาติเอสโตเนีย หรือ KAPO วัย 44 ปี ที่ถูกมอสโกจับกุมที่บริเวณชายแดนด้วยข้อหาจารกรรมความลับ โดยจับกุมได้ในขณะที่มีปืนพกเมดอิน USA 1 กระบอก เงินสดอีก 5,000 ยูโร อุปกรณ์ดักฟัง และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดักฟัง

จนกระทั่งถึงขณะนี้รัสเซียยังปฏิเสธที่จะให้เจ้าหน้าที่กงสุลเอสโตเนียประจำกรุงมอสโก เข้าพบ เอสตัน โคห์เวอร์ (EstonKohver) เจ้าหน้าที่ตำรวจเอสโตเนียจากสำนักงานตำรวจความมั่นคงแห่งชาติเอสโตเนีย หรือ KAPO วัย 44 ปี “ทางเราไม่ทราบว่าทางรัสเซียควบคุมคนของเราไว้ที่ไหน” Harrys Puusepp โฆษก KAPO แถลง และแถลงเพิ่มเติมว่ากับ BBC “เท่าที่เราทราบในขณะนี้พบว่า เอสตัน โคห์เวอร์ ไม่ได้รับบาดเจ็บ”

อย่างไรก็ตาม ยังเป็นข้อถกเถียงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชาวเอสโตเนียผู้นี้ ถูกจับกุมในดินแดนเอสโตเนีย หรือรัสเซีย “ควรอนุญาตให้กงสุลสามารถเข้าพบโคห์เวอร์ได้ เพราะทางกงสุลต้องการสอบถามถึงความจริงจากปากของเจ้าหน้า KAPO ในเรื่องนี้” Puusepp แถลงต่อ

“เราได้ให้การคุ้มกันโคห์เวอร์ แต่มี “เหตุระเบิด” ในช่วงเกิดเหตุที่ช่วยทำให้รัสเซียสามารถลักพาตัวโคห์เวอร์ได้ และทางรัฐบาลเอสโตเนียมีหลักฐานชัดว่า โคห์เวอร์อยู่ในดินแดนของเรา แต่ในบริเวณนั้นไม่มีรั้วระบุตำแหน่งเขตแดน เพราะเป็นพื้นที่ป่า หญ้ารกชัด และพุ่มไม้ แต่ถึงแม้จะไม่เส้นแบ่งเขตแดนปักอยู่ชัดเจนแต่ทุกคนทราบว่านี่เป็นเอสโตเนีย หรือรัสเซีย ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทั้งสองประเทศ”

ก่อนหน้านี้ ในวันศุกร์ (5) กระทรวงต่างประเทศเอสโตเนียได้เรียก Yury Merzlyakov เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำทาลลินน์ ไปตำหนิในเหตุการณ์ที่เอสโตเนียถือว่า “เป็นการลักพาตัวโคห์เวอร์” โดยการกระทำของกลุ่มคนน่าสงสัยที่เข้าใจว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนรัสเซียตามปกติใกล้กับจุดตรวจพรมแดน Luhamaa

ด้าน โตมัส เฮนดริก อิลเวส ประธานาธิบดีเอสโตเนียที่เป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำสหรัฐฯ บารัค โอบามา ที่บินมาร่วมพบปะกับเหล่าผู้นำประเทศแถบบอลติก และให้คำมั่นจะปกป้องสมาชิกนาโตที่เคยเป็นอดีตประเทศสหภาพโซเวียตหลังจาก รัสเซียประกาศกร้าววว่านาโต เป็น “ภัยคุกคาม” สำคัญ ก่อนที่โอบามาจะไปร่วมประชุมนาโตที่เวลส์ ได้แถลงผ่านเฟซบุ๊กว่า “เพิ่งกลับมาจากสำนักงานใหญ่ KAPO ยืนยันได้ว่าเหตุลักพาตัวเกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ KAPO นายนี้กำลังสืบสวนคดีคอร์รัปชัน”

ทั้งนี้ ในรายงานเหตุการณ์ลักพาตัวพบว่านอกจากใช้ระเบิดควันแล้ว ยังมีการก่อกวนคื่นวิทยุชุมชนในบริเวณนั้นอีกด้วย ด้านสำนักงานความมั่นคงรัสเซีย FSA ที่อยู่ภายใต้การสั่งการโดยตรงจากประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ยอมรับว่าได้จับกุมโคห์เวอร์ “สายลับจากเอสโตเนีย และทำการจับกุมเขาในขณะที่ชายผู้นี้อยู่ในดินแดนรัสเซีย” แต่ Puusepp ปฎิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยกล่าวยืนยันว่า “โคห์เวอร์ไม่ได้อยู่ฝ่ายข่าวกรอง แต่สังกัดแผนกอาชกรรมองค์กร ลักลอบขนสินค้าและคอร์รัปชัน”

นอกจากนี้ โฆษก KAPO ยังยืนยันว่า เหตุการณ์ลักพาตัวถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ เพราะตั้งแต่เอสโตเนียได้รับเอกราชในปี 1991 Puusepp ไม่คิดว่าจะเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน และยังเปิดเผยว่า “โคห์เวอร์ถูกใช้ปืนจ่อให้ยอมตามในช่วงที่เกิดการลักพาตัว”

FSA แถลงว่าโคห์เวอร์ถูกจับกุมในขณะที่มีปืนพกเมดอิน USA 1 กระบอก เงินสดอีก 5,000 ยูโร อุปกรณ์ดักฟัง และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดักฟัง

และมีรายงานจากสื่ออังกฤษว่า มอสโกได้ส่งตัวขังโคห์เวอร์ไปยังเรือนจำความมั่นคงสูงแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของประเทศ จากบริเวณพรมแดน Pskov ที่รื้อฟื้นไปถึงความทรงจำช่วงสงครามเย็น ทั้งนี้ แหล่งข่าวรัสเซีได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษว่า หากโคห์เวอร์ผิดข้อหาจารกรรมลับจริง เขาอาจต้องโทษจำคุก 10-20 ปี