เอเจนซีส์ – ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลกรุงเคียฟ กับฝ่ายกบฏนิยมรัสเซีย ที่บังคับใช้มายังไม่ถึง 48 ชั่วโมง ส่อเค้าอาจจะล่มเสียแล้ว เมื่อเกิดการปะทะดุเดือดทางภาคตะวันออกของยูเครนในวันอาทิตย์ (7 ก.ย.) เป็นเหตุให้สตรีคนหนึ่งเสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน โดยต่างฝ่ายต่างโทษกันว่าละเมิดเงื่อนไขการสงบศึก
เจ้าหน้าที่ในเมืองมาริวโปล เปิดเผยว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนได้โจมตีจุดตรวจของเมืองนี้เมื่อวันอาทิตย์ หลังจากได้ระดมยิงเครื่องยิงจรวดแบบ “แกรด” ใส่มาริวโปลในตอนดึกของคืนวันเสาร์ (6) การโจมตีเหล่านี้ทำให้หญิงวัย 33 ปีคนหนึ่งเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 4 คน รวมทั้งสร้างความแตกตื่นให้กับประชาชน ทั้งนี้มาริวโปลเป็นเมืองท่าริมทะเลอาซอฟ ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของยูเครนแต่อยู่ใต้ลงมาจากพื้นที่เขตลูกานสก์และเขตโดเนตสก์ โดยที่อยู่ห่างจากโดเนตสก์ 115 กิโลเมตร
ในอีกด้านหนึ่ง ที่หมู่บ้านสปาร์ตัก ซึ่งอยู่ในเขตชนบทติดกับตอนเหนือของเมืองโดเนตสก์ และใกล้ๆ กับสนามบินของเมืองซึ่งเป็นที่มั่นสำคัญที่สุดของพวกกบฏแห่งนี้ ก็ได้เกิดไฟไหม้บ้านไปอย่างน้อย 2 หลัง โดยชาวบ้านบอกกับผู้สื่อข่าวเอพีว่า ฝ่ายกบฏซึ่งยึดหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ ได้ยิงเข้าใส่กองทหารรัฐบาลจากบริเวณใกล้เคียงหมู่บ้าน และทำให้ทหารกรุงเคียฟยิงตอบโต้กลับมา
ผู้สื่อข่าวเอพีระบุว่า ช่วงเช้ามืดวันอาทิตย์ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นขนาดที่ได้ยินกันถึงบริเวณใจกลางเมืองโดเนตสก์ โดยที่เสียงมาจากทิศทางของสนามบิน ซึ่งเวลานี้อยู่ในสภาพแทบจะเหลือเพียงเปลือกนอกขณะที่ภายในถูกเพลิงไหม้เสียหาย สนามบินแห่งนี้อยู่ในความควบคุมของกองทหารรัฐบาลกรุงเคียฟมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และฝ่ายกบฏก็คอยเข้าโจมตีอยู่เป็นระยะๆ เรื่อยมา
ยังไม่ทราบว่าการปะทะกันเหล่านี้จะส่งผลอย่างไรต่อข้อตกลงหยุดยิง สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเมื่อถึงตอนบ่ายวันอาทิตย์ สถานการณ์ทั้งที่เมืองโดเนตสก์ และเมืองมาริวโปล ได้กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
เหตุรุนแรงเหล่านี้บังเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และทั้งคู่เห็นพ้องกันว่า ข้อตกลงหยุดยิงที่เริ่มต้นเมื่อวันศุกร์ (5) ได้รับการปฏิบัติตามด้วยดี
ข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวซึ่งประกอบด้วยเงื่อนไข 12 ข้อนั้น ถือเป็นครั้งแรกที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งเคียฟและมอสโก หลังการต่อสู้ยาวนาน 5 เดือนระหว่างกองกำลังยูเครนกับกบฏนิยมรัสเซียที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 2,800 คน และประชาชนอย่างน้อยครึ่งล้านต้องทิ้งบ้านเรือน อีกทั้งนำไปสู่วิกฤตความสัมพันธ์ตะวันออก-ตะวันตกครั้งรุนแรงที่สุดในหนึ่งชั่วอายุคน
มาริวโปลกลายเป็นสนามรบล่าสุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อกบฏรุกลงทางใต้ ทั้งนี้เห็นกันว่ามีจุดประสงค์ที่จะสร้างดินแดนเชื่อมต่อระหว่างชายแดนรัสเซียกับคาบสมุทรไครเมีย ที่วังเครมลินผนวกเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ถึงแม้ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ เหตุการณ์ต่างๆ จะสงบลง แต่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันและกันว่า ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงฉบับล่าสุดนี้
ก่อนหน้านี้ กรุงเคียฟเคยประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียวเมื่อเดือนมิถุนายน แต่แล้วก็ล้มครืนอย่างไม่เป็นท่าภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ข้อตกลงหยุดยิงล่าสุดเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังออกจากพื้นที่ปะทะสำคัญ และทำให้พื้นที่ตามแนวชายแดนยูเครน-รัสเซียเป็นเขตที่ปลอดภัย รวมทั้งการแลกเปลี่ยนนักโทษ และการจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากการสู้รบในยูเครนตะวันออก
ในด้านการเมืองนั้น ข้อตกลงหยุดยิงระบุถึงการกระจายอำนาจและการกำหนดสถานะพิเศษให้แก่โดเนตสก์และลูกานสก์ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น
บรรดาผู้นำโลกตะวันตกกล่าวหารัสเซียยุยงส่งเสริมกบฏ ด้วยการส่งทั้งกำลังทหารและอาวุธให้ แถมระดมทหารใกล้ชายแดนราว 20,000 คน ทว่า มอสโกปฏิเสธมาตลอด
ทั้งนี้ แม้มีข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน แต่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศในคืนวันศุกร์ (5) ว่ายังคงเดินหน้าเพิ่มมาตรการลงโทษรัสเซียอีกคำรบหนึ่ง โดยระบุว่า พร้อมยกเลิกการลงโทษ หากมอสโกถอนทหารออกจากยูเครนและเคารพเงื่อนไขการหยุดยิง
ขณะที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) อนุมัติแผนการจัดตั้งกองกำลังเคลื่อนที่เร็ว เพื่อเข้าปกป้องรัฐสมาชิกในยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องที่ยูเครนปรารถนาจะเข้าเป็นสมาชิกของนาโต
ด้านรัสเซียที่เศรษฐกิจจ่อปากเหวการถดถอย เตือนว่า จะตอบโต้ หากอียูดำเนินการมาตรการแซงก์ชันรอบใหม่ พร้อมกล่าวหาบรัสเซลส์สนับสนุนเคียฟซึ่งเป็นฝ่ายก่อสงคราม
วันอาทิตย์ องค์การนิรโทษกรรมสากล ได้ออกรายงานกล่าวหาทั้งยูเครนและกบฏแบ่งแยกดินแดนเป็นอาชญากรสงครามจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่โดยไม่เลือกเป้าหมาย การลักพาตัว การทรมาน และสังหาร
