เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในไลบีเรียนักหยุดงานประท้วงเมื่อวานนี้ (1 ก.ย.) เพื่อเรียกร้องขอขึ้นเงินเดือน และให้ทางโรงพยาบาลจัดหาเครื่องป้องกันที่มีประสิทธิภาพแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลรักษาผู้ป่วยที่ได้รับเชื้ออีโบลา ซึ่งขณะนี้คร่าชีวิตประชากรไลบีเรียไปแล้วหลายร้อยคน
จอห์น ทุกเบห์ โฆษกของกลุ่มเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล จอห์น เอฟ เคนเนดี ในกรุงมันโรเวีย ระบุว่า พยาบาลทุกคนจะไม่กลับมาทำงานจนกว่าพวกเขาจะได้รับ “อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล” (personal protective equipment) ซึ่งหมายถึงชุดป้องกันที่ช่วยให้ผู้สวมใส่หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อโรคร้าย
“ตั้งแต่ไวรัสอีโบลาเริ่มแพร่ระบาด พวกเราไม่เคยได้รับอุปกรณ์ป้องกันตนเองเลย ซึ่งทำให้แพทย์หลายคนต้องพลอยได้รับเชื้อไปด้วย พวกเราจึงตัดสินใจที่จะอยู่บ้านจนกว่าจะได้รับอุปกรณ์ป้องกัน” ทุกเบห์กล่าว
ไวรัสอีโบลาซึ่งสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งจากร่างกายผู้ป่วย ได้คร่าชีวิตพลเมืองใน 4 ประเทศแถบแอฟริกาตะวันตกไปแล้วกว่า 1,500 คนตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ซึ่งเกือบ 700 คนเป็นชาวไลบีเรีย
ผู้เสียชีวิตราว 1 ใน 10 เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งดูแลรักษาผู้ป่วยจนตนเองได้รับเชื้อ ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า การแพร่ระบาดครั้งประวัติศาสตร์ของอีโบลาอาจทำให้มีผู้ติดเชื้อมากถึง 20,000 คนจึงจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
แผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาล จอห์น เอฟ เคนเนดี เป็นศูนย์การแพทย์อุบัติเหตุเพียงแห่งเดียวในไลบีเรีย ซึ่งความขัดแย้งระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อศักยภาพของประเทศในการรับมือวิกฤตสาธารณสุขครั้งนี้
โรงพยาบาลแห่งนี้เคยปิดทำการชั่วคราวเมื่อเดือนกรกฎาคม หลังมีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนหนึ่งติดเชื้อ และเสียชีวิตจากการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับเชื้ออีโบลา
“เราจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม และควรได้รับเงินเดือนเพิ่มด้วย เพราะทุกวันนี้พวกเราต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง” ทุกเบห์กล่าว