เอเอฟพี – พลเมืองที่มีฐานะยากจนในกานาลดลงครึ่งหนึ่งระหว่างปี 1992-2013 รัฐบาลกานาแถลงเมื่อวานนี้(29) พร้อมระบุว่าประเทศได้บรรลุเป้าหมายด้านการพัฒนาที่สำคัญไปอีกก้าวหนึ่ง แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังอ่อนแอก็ตาม
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติกานา ระบุว่า ในปี 2013 ที่ผ่านมา มีชาวกานาเพียงร้อยละ 24.2 หรือราวๆ 1ใน 4 ของประเทศที่มีฐานะยากจน ซึ่งถือว่าลดลงมากเมื่อเทียบกับสถิติร้อยละ 51.7 ในปี 1992
ตัวเลขดังกล่าวสรุปจากเกณฑ์วัดความยากจนที่รัฐบาลกานากำหนดขึ้นเอง ซึ่งในปี 2013 ถือว่าบุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่า 3.60 เซดี ต่อวัน (ประมาณ 2.34 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) เป็นคนยากจน
ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดเกณฑ์ความยากจนไว้สำหรับบุคคลที่มีรายได้ไม่ถึง 1.25 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน
จากความสำเร็จในการต่อสู้ความยากจนครั้งนี้ ทำให้กานาเป็นประเทศแอฟริกาไม่กี่แห่งที่บรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษของยูเอ็น (UN Millennium Development Goals) ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายถูกคาดหวังให้ต้องปฏิบัติได้ภายในปีหน้า
ซาราห์ เฮก หัวหน้าฝ่ายนโยบายสังคมประจำกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ในกานา ระบุว่า แอฟริกาใต้เป็นอีกประเทศหนึ่งที่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ แต่ประเทศอื่นๆที่เหลือยังไม่สามารถปฏิบัติได้
“โดยภาพรวมแล้ว ทวีปแอฟริกายังถือว่าล้าหลังอยู่มาก” เฮก เผย พร้อมระบุว่า พลเมืองยากจนในภูมิภาคนี้ลดลงจาก 56% ในปี 1990 ลงมาอยู่ที่ 48% ในปี 2010 ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ค่อนข้างช้า
แอนโธนี อามูซู จากสำนักงานสถิติแห่งชาติกานา ระบุว่า แนวคิดริเริ่มของรัฐบาล เช่น การแจกเงินสด และโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียน คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กานาประสบความสำเร็จในการต่อสู้วงจรความยากจน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของกานาในภาพรวมยังถือว่าย่ำแย่ โดยเงินเซดีอ่อนค่าลงเกือบ 37% ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้พลเมืองราว 25 ล้านคนของประเทศนี้ต้องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากขึ้น