เอเอฟพี - บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในเม็กซิโกระบุวานนี้ (18 ส.ค.) ว่าได้สั่งปิดโรงเรียนราว 80 แห่ง ภายหลังพบ “กรดซัลฟูริก” รั่วไหลออกมาจากเหมืองทองแดงแห่งหนึ่ง ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ จนทำให้น้ำในแม่น้ำโซโนราปนเปื้อน
เฮซุส อาเรียส ผู้อำนวยการสำนักป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนรัฐโซโนรากล่าวว่า “นักเรียนราว 5,000 คนในโรงเรียนราว 80 แห่งจะไม่ต้องเข้าเรียนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากขาดแคลนน้ำ และโรงเรียนบางแห่งก็อยู่ใกล้แม่น้ำ”
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา กรดซัลฟูริกราว 40,000 ลูกบาศก์เมตรที่ใช้ในกระบวนการสกัดทองแดงจากแร่คอปเปอร์ออกไซด์ ได้รั่วไหลออกมาจากถังกักเก็บในเหมืองทองแดง บวยนาวิสตา ซึ่งเป็นหนึ่งในเหมืองทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สารเคมีชนิดนี้ได้เปลี่ยนแม่น้ำโซโนราที่มีความยาว 60 กิโลเมตรกลายเป็นสีส้ม ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจรับผิดชอบต้องสั่งระงับการส่งจ่ายน้ำประปาให้ประชาชน 20,000 คนใน 7 เมือง
แม้ว่าเหมืองแร่แห่งนี้ได้เทปูนขาวหลายตันลงแม่น้ำ เพื่อเจือจางสภาพความเป็นกรด แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็ออกมากล่าวเตือนว่า การอุปโภคบริโภคน้ำจากลำน้ำสายนี้จะยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากกรดซัลฟูริกได้ทำให้เกิดโลหะหนักในสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
ประชากรในพื้นที่นี้มีความเสี่ยงที่จะเผชิญโรคร้ายต่างๆ เช่น มะเร็ง พิการแต่กำเนิด และอาจทำให้เด็กมีพัฒนาการไม่สมบูรณ์
รัฐบาลแดนจังโก้ และเหมืองแร่แห่งนี้ ซึ่งเป็นของ “กรูโป เม็กซิโก” กิจการเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ในละตินอเมริกา กล่าวว่า พวกเขาได้แจกจ่ายน้ำ 4 ล้านลิตรให้แก่ชุมชนส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบแล้ว
ทั้งนี้ เหมืองแห่งนี้สามารถผลิตทองแดงได้ 200,000 ตัน ในแต่ละปี และกำลังหาลู่ทางจะเพิ่มผลผลิตให้เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 510,000 ตันภายในปี 2016 โดยทุ่มงบลงทุน 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.02 แสนล้านบาท)
อัยการระบุว่า เหมืองทองแดงแห่งนี้อาจถูกปรับ 224,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7 ล้านบาท) เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดจากสารเคมีรั่ว