เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - อัตราเงินเฟ้อใน “ดูไบ” พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2009 ขณะที่อดีตผู้บริหาร “ไอเอ็มเอฟ” เตือนต้องเร่งสร้างวินัยการคลัง ก่อนเจอ “หายนะใหญ่ทางเศรษฐกิจ”
รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างศูนย์สถิติแห่งดูไบ (ดีเอสซี) ในวันพุธ (13) ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของดูไบในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.4 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นถึง 2.8 เปอร์เซ็นต์จากเมื่อเดือนมิถุนายน และถือเป็นระดับเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปี (นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2009) ของเอมิเรตส์แห่งนี้
ข้อมูลระบุว่า ราคาของอสังหาริมทรัพย์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นเกือบ 44 เปอร์เซ็นต์ของการใช้จ่ายของผู้บริโภคในดูไบ ได้พุ่งสูงขึ้นในเดือนกรกฎาคมถึง 5.8 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และปรับเพิ่มขึ้น 1.1 เปอร์เซ็นต์จากเมื่อเดือนมิถุนายน
ขณะที่ราคาของอาหารและเครื่องดื่มที่มีสัดส่วนราว 11 เปอร์เซ็นต์ของการใช้จ่ายในเอมิเรตส์แห่งนี้ได้ปรับสูงขึ้นอีกราว 2.8 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน สำนักข่าวชื่อดังอย่าง “รอยเตอร์” ได้เผยแพร่ผลสำรวจเชิงวิเคราะห์ที่ระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทั้งประเทศซึ่งรวมถึงดูไบ มีแนวโน้มจะปรับสูงขึ้นราว 1.9 เปอร์เซ็นต์ในปี 2014 นี้ และจะปรับเพิ่มขึ้น 2.5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2015 ทั้งที่เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมาตัวเลขเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังอยู่ที่ระดับ 1.1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ในอีกด้านหนึ่ง นายจอห์น ฟิลลิป ลิปสกี อดีตรองผู้อำนวยการใหญ่ชาวอเมริกัน ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกมาระบุว่า รัฐบาลดูไบรวมถึงรัฐบาลของเอมิเรตส์แห่งอื่นๆ ภายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ควรต้องเร่งสร้างวินัยทางการเงินการคลังแทนการทุ่มงบประมาณไปกับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า และสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ต่างๆ โดยระบุว่าดูไบจะเผชิญหายนะทางเศรษฐกิจในอีก 3-5 ปีข้างหน้าหากยังไม่หยุดการใช้จ่ายที่เกินตัว