รบ.ญี่ปุ่นออก “สมุดปกขาวกลาโหม” เตือน “พฤติกรรมอันธพาล” ของจีนในทะเลจีนตะวันออก

เอเอฟพี - ญี่ปุ่นออกโรงเตือนจีนในวันนี้ (5) ว่า “การกระทำที่เป็นอันตราย” จากการอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ทะเลจีนตะวันออกอาจนำไปสู่ “ผลลัพธ์เหนือความคาดหมาย” ในภูมิภาคดังกล่าว ในขณะที่ความหวั่นวิตกว่าจะเกิดการปะทะกันทางทหารกำลังก่อตัวเพิ่มขึ้น

สมุดปกขาวกลาโหมประจำปีที่ได้รับการลงมติยอมรับโดยนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ผู้นำสายเหยี่ยวและบรรดาคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นในการประชุมคณะรัฐมนตรี เต็มไปด้วยข้อวิจารณ์เกี่ยวกับการประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) เพียงฝ่ายเดียวของปักกิ่งเมื่อปีที่แล้ว

การประกาศ ADIZ ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในระดับภูมิภาค และนำมาซึ่งเสียงประณามจากวอชิงตัน ขณะที่บรรดานักวิจารณ์ต่างกังวลตรงกันถึงเรื่องโอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งทางทหารเพิ่มขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจในเอเชีย

สมุดปกขาวของโตเกียวฉบับนี้ ชี้ว่างบประมาณด้านการทหารของจีนได้ขยับขึ้นเป็น 4 เท่าตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และยังระบุด้วยว่าญี่ปุ่นเล็งเห็นบรรยากาศด้านความมั่นคงที่กำลัง “ย่ำแย่ลงทุกขณะ”

เอกสารราชการจำนวน 505 หน้าฉบับนี้ ระบุว่า “ญี่ปุ่นมีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการจัดตั้ง ‘ADIZ ในทะเลจีนตะวันออก’ ซึ่งนับเป็นการกระทำที่เป็นอันตรายอย่างถึงที่สุด ...ที่จะยกระดับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ และอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย

เรือรบและเครื่องบินของแดนมังกรมักจะเข้ามาเลียบๆ เคียงๆ ใกล้หมู่เกาะเซ็งกากุ หรือ “เตี้ยวอี๋ว์” ในทะเลจีนตะวันออกที่ทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ หลังจากที่โตเกียวทำให้บางส่วนของหมู่เกาะดังกล่าวกลายเป็นของรัฐเมื่อปี 2012 ทั้งนี้ มีความเชื่อกันว่า หมู่เกาะแห่งนี้เก็บงำทรัพยากรธรรมชาติมากมายมหาศาลไว้ที่ใต้ก้นทะเล

ในการเผชิญหน้ากันเมื่อเดือนมิถุนายน โตเกียวชี้ว่า เครื่องบินขับไล่ของจีนบินเข้ามาใกล้เครื่องบินของญี่ปุ่นในระยะ 30 เมตรเหนือเขตป้องกันภัยทางอากาศทับซ้อนของทั้งสองชาติ ขณะที่ทางปักกิ่งตอบโต้ว่าเครื่องบินรบของแดนอาทิตย์อุทัยต่างหากที่บินเข้าใกล้อากาศยานของจีนอย่างเป็นอันตราย

นอกจากนี้ จีนยังได้อ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้อย่างกว้างขวาง สร้างความเดือดดาลแก่เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ

เอกสารชุดนี้ระบุว่า “เนื่องจากความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ทางทะเล จีนได้นำมาตรการเชิงรุกรานออกมาใช้หลายมาตรการด้วยกัน รวมถึงการพยายามปรับเปลี่ยนสถานภาพปัจจุบันโดยการใช้มาตรการที่ข่มขู่ ซึ่งขัดต่อระเบียบและกฎหมายระหว่างประเทศที่มีอยู่”

“มาตรการต่างๆ นั้นประกอบด้วยพฤติกรรมอันเป็นอันตรายที่อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์เหนือความคาดหมาย และเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของจีนในอนาคต”