รอยเตอร์ – ภาวะสงบนิ่งในการต่อสู้ระหว่างกองทัพยูเครนและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียได้เปิดโอกาสให้ วันนี้ (2) คณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติสามารถเริ่มต้นการค้นหาศพเหยื่อได้อีกครั้ง บริเวณซากเครื่องบิน มาเลเซียแอร์ไลน์ส ที่ถูกยิงตกในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อเดือนที่แล้ว
องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) แถลงว่า ผู้เชี่ยวชาญราว 70 คนได้เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวเป็นวันที่ 2 แล้ว หลังจากที่กองทัพยูเครนและกลุ่มกบฏโปรรัสเซียบรรลุข้อตกลงว่าด้วยการหยุดยิงเฉพาะแห่ง
“ในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ การปฏิบัติงานที่เข้มข้นได้มุ้งเน้นไปที่การเก็บกู้ศพของเหยื่อ” หน่วยงานด้านสิทธิและความมั่นคงแห่งนี้ ซึ่งก็มีผู้แทนอยู่พื้นที่ดังกล่าว 8 คน กล่าวผ่านทวิตเตอร์
เป็นเวลาหลายวันมาแล้ว ที่ถนนหาทางต่างๆ อันตรายเกินไปที่จะใช้สอยเนื่องจากมีการสู้รบที่หนักหน่วง และความพยายามที่จะเก็บกู้ศพของเหยื่อเที่ยวบิน MH17 ทั้ง 298 คนเป็นชุดสุดท้าย และเดินหน้าสานต่อการสืบสวนสาเหตุของภัยพิบัติครั้งนี้ก็กำลังจะหมดไป
ในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่ยูเครน ระบุว่า ที่บริเวณซากเครื่องบินโบอิง 777 ยังมีศพอีกราวๆ 80 ร่างที่ยังไม่ได้ถูกเก็บกู้ไป
เมื่อวานนี้ (1) คณะผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งประกอบด้วยชาวดัตช์และชาวออสเตรเลีย สามารถเก็บกู้ศพที่เหลืออยู่ได้มากขึ้น ถึงกระนั้น ความปลอดภัยในพื้นที่ดังกล่าวก็ถูกมองว่า “ไร้ซึ่งความแน่นอนและคาดเดาไม่ได้” ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตบนเครื่องบินลำดังกล่าวประกอบด้วย ชาวดัตช์ 196 คน , ชาวออสเตรเลีย 27 คน และชาวมาเลเซีย 43 คน
สหรัฐฯ ชี้ว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนอาจเป็นผู้ใช้ขีปนาวุธที่ประกอบขึ้นในรัสเซียยิงเครื่องบินพาณิชย์ลำดังกล่าวด้วยความเข้าใจผิด โดยกลุ่มกบฏและมอสโกต่างออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานั้น และกล่าวโทษว่าโศกนาฏกรรมเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมเป็นความพยายามของกองทัพเคียฟเพื่อสยบการลุกฮือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน