เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีเอโบ โมราเลส ผู้นำโบลิเวีย ออกโรงในวันพุธ (30) ประณามอิสราเอลเป็น “รัฐก่อการร้าย” โดยระบุว่ารัฐบาลอิสราเอลทำการโจมตีพื้นที่ฉนวนกาซาอย่างไร้มนุษยธรรม โดยไม่คำนึงถึงชะตากรรมของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ไม่ต่างจากพฤติกรรมของผู้ก่อการร้าย
ประธานาธิบดีฮวน เอโบ โมราเลส อัยมา ผู้นำโบลิเวีย วัย 54 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจตั้งแต่เมื่อปี 2006 กล่าวระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมด้านการศึกษาที่นครโกชาบัมบาในวันพุธ (30) โดยระบุว่ารัฐบาลโบลิเวียขอประกาศให้อิสราเอลมีสถานะไม่ต่างจาก “รัฐก่อการร้าย” หลังจากรัฐบาลอิสราเอลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยังคงเปิดฉากโจมตีใส่พื้นที่ฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง แม้ยอดผู้เสียชีวิตที่ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนจะพุ่งสูงมากกว่า 1,300 รายแล้ว
“พฤติกรรมที่รัฐบาลอิสราเอลแสดงออกมานั้น แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่เคารพในหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของประชาคมโลก และไม่เคารพแม้แต่สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในกาซาในอันที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข” ผู้นำโบลิเวียกล่าว
โมราเลสยังประกาศยกเลิกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตรา “วีซ่า” ที่โบลิเวียทำไว้กับอิสราเอลตั้งแต่ปี 1972 เพื่อเป็นการตอบโต้อิสราเอล และการยกเลิกข้อตกลงดังกล่าวส่งผลให้นับจากนี้พลเมืองของอิสราเอลจะต้องยื่นขอวีซ่าก่อนเดินทางมายังโบลิเวีย แทนการเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ผู้นำโบลิเวียเพิ่งยื่นข้อเรียกร้องต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติให้เปิดการไต่สวนความผิดของรัฐบาลอิสราเอล กรณีก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ทั้งนี้ การสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสในฉนวนกาซาที่ปะทุขึ้นตั้งแต่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์มากกว่า 1,300 คนเสียชีวิต ขณะที่อีกหลายพันคนได้รับบาดเจ็บ