รอยเตอร์ - อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ออกมาประณามพฤติกรรมของอิสราเอลเหมือน “หมาบ้า” ที่เข่นฆ่าพลเมืองฉนวนกาซาไม่เลิก พร้อมเรียกร้องชาวมุสลิมทั่วโลกช่วยกันติดอาวุธแก่ชาวปาเลสไตน์เพื่อให้สามารถต่อต้าน “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ครั้งนี้ได้
การยิงจรวดต่อสู้ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสตลอด 22 วันที่ผ่านมาได้คร่าชีวิตพลเรือนปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาไปแล้วถึง 1,087 ราย ส่วนฝั่งอิสราเอลนั้นสูญเสียทหาร 53 นาย และพลเรือนยิวอีก 3 คน
ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในเทศกาลตรุษอีดิลฟิฏรีซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้วิพากษ์วิจารณ์บทบาทของสหรัฐฯ และชาติยุโรปว่าพยายามที่จะจำกัดศักยภาพทางทหารของนักรบปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา
คอเมเนอียังด่าทออิสราเอลว่า “หมาบ้าตัวนี้ หมาป่าชั่วร้ายตัวนี้ ได้โจมตีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ มนุษยชาติทั้งหลายจึงควรออกมาแสดงท่าทีบางอย่าง เพราะนี่คือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และเป็นหายนะที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก”
“พวกมันยิงจรวดเข่นฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ทั้งวันทั้งคืน โดยที่ชาย หญิง และเด็กเหล่านั้นแทบจะไม่มีหนทางปกป้องตนเอง ถึงขั้นนี้แล้วสหรัฐฯ และชาติยุโรปยังคิดที่จะเอาเครื่องป้องกันจากพวกเขาไปอีก เพื่อให้พวกเดรัจฉานใจอำมหิตสามารถโจมตีได้อย่างสะดวก”
ผู้นำสูงสุดของเตหะรานยังกล่าวหาว่าประธานาธิบดี บารัค โอบามา ออกคำสั่งให้ปลดอาวุธชาวปาเลสไตน์ ซึ่งหมายถึงการที่วอชิงตันขัดขวางไม่ให้กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาจัดหาขีปนาวุธและจรวดมาสู้กับอิสราเอล
ทั้งนี้ สหรัฐฯ มองว่ากลุ่มฮามาสเป็นองค์กรก่อการร้าย
คอเมเนอีระบุว่า อิหร่านมีมุมมองเกี่ยวกับการติดอาวุธให้ชาวปาเลสไตน์ที่แตกต่างไปจากอเมริกา
“ทุกฝ่ายที่มีความสามารถ โดยเฉพาะโลกอิสลาม จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อติดอาวุธให้แก่ชาวปาเลสไตน์... ระบอบไซออนิสต์รู้สึกเสียใจแล้วที่เปิดสงครามครั้งนี้ขึ้น แต่พวกเขาไม่มีทางแก้ไข”
กองทัพอิสราเอลเปิดฉากยิงถล่มฉนวนกาซามาตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม โดยอ้างว่าจำเป็นต้องสกัดกั้นจรวดที่กลุ่มฮามาสและเครือข่ายกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ยิงเข้ามาในรัฐยิว หลังจากนั้นก็มีคำสั่งปฏิบัติการภาคพื้นดินเพื่อค้นหาและทำลายอุโมงค์ของพวกฮามาสที่ซุกซ่อนอยู่ตามแนวชายแดน
นอกจากปัญหานิวเคลียร์แล้ว นโยบายต่างประเทศของอิหร่านก็ขัดแย้งกับมหาอำนาจตะวันตกอยู่หลายประเด็น รวมไปถึงการสนับสนุนกลุ่มฮามาส ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ตลอดจนขบวนการมุสลิมชีอะห์ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน