เอเอฟพี - กองทัพอียิปต์เผยมีกลุ่มติดอาวุธยิงปืนกลและจรวดอาร์พีจีถล่มจุดตรวจบริเวณชายแดนเมื่อวันเสาร์ (19 ก.ค.) ทำให้มีทหารเสียชีวิต 21 นาย เป็นหนึ่งในการโจมตีเข้าใส่กองกำลังความมั่นคงที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี
ทางกองทัพระบุในคำแถลงว่า การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในพื้นที่เขตทะเลทราย ห่างจากกรุงไคโรไปทางตะวันตกประมาณ 630 กิโลเมตร ซึ่งนอกจากผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีทหารได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย คาดว่าเป็นฝีมือผู้ก่อการร้าย
คำแถลงระบุอีกว่า จรวดอาร์พีจีที่ยิงโดยกลุ่มติดอาวุธได้ทำให้โรงเก็บกระสุนในค่ายที่เอล-ฟาราฟราห์ เกิดระเบิดขึ้นมา จนทำให้ทหารหลายนายเสียชีวิต
บรรดากลุ่มติดอาวุธได้เพิ่มการเข้าโจมตีกองทัพอียิปต์ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี ผู้เป็นอิสลามิสต์ ถูกโค่นลงจากอำนาจเมื่อเดือนกรกฎาคม 2013 ในขณะที่ทางกองทัพอียิปต์ก็พยายามปราบปรามการก่อเหตุรุนแรงของพวกอิสลามิสต์ ที่ทำให้ทั้งทหารและตำรวจหลายสิบนายต้องเสียชีวิต ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเหตุรุนแรงเหล่านี้มักจะเกิดในคาบสมุทรไซนายแถบที่มีชายแดนติดกับอิสราเอล และติดกับพื้นที่ฉนวนกาซาของชาวปาเลสไตน์
กองทัพระบุว่า มีคาร์บอมบ์ 2 คันที่ทางกลุ่มติดอาวุธจะใช้ในการโจมตีครั้งนี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดหยุดการระเบิดเอาไว้ได้
สำนักข่าวเอ็มอีเอ็นเอของรัฐบาลอียิปต์ ระบุว่า ทางกลุ่มติดอาวุธที่เข้าโจมตีมีผู้เสียชีวิต 3 ราย และนับเป็นครั้งที่สองแล้ว ที่มีการโจมตีจุดตรวจแห่งนี้ภายในช่วงเวลาไม่ถึง 3 เดือน
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เตือนซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่ามีโอกาสที่ความรุนแรงจากสงครามกลางเมืองที่ลิเบียในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจะขยายข้ามเขตชายแดนมาสู่อียิปต์
ลิเบียกลายเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยอาวุธและความไม่สงบนับตั้งแต่การลุกฮือโค่นอำนาจจอมเผด็จการมูอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อปี 2011 ซึ่งหลังจากนั้นบรรดากลุ่มติดอาวุธที่ร่วมกันโค่นกัดดาฟี ต่างก็แย่งชิงอำนาจกัน
ทั้งนี้ ชายแดนฝั่งตะวันตกของอียิปต์ที่ติดกับลิเบียนั้นมีระยะทางยาวมากกว่า 1,000 กิโลเมตร
ทำเนียบประธานาธิบดีอียิปต์ ได้ประกาศให้มีการไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วันหลังการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเหตุโจมตีที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่เหตุมือปืนยิงทหารหลายสิบนายเสียชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคม 2012 ในเมืองราฟา บริเวณชายแดนติดอิสราเอลและกาซา
การโจมตีครั้งนั้น มีส่วนคล้ายกับการโจมตีเมื่อวันเสาร์ (19 ก.ค.) โดยเกิดขึ้นในช่วงเดือนรอมฎอน หลังจากที่ทหารได้กินอาหารละศีลอด ขณะที่การโจมตีเมื่อวันเสาร์ (19 ก.ค.) เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากมีการยิงจรวดโจมตีหลายครั้งในพื้นที่ไซนาย จนทำให้ชาวบ้าน 7 ราย กับทหารอีก 1 นายต้องเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีการโจมตีที่คล้ายๆ กันเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนอียิปต์เมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ 6 รายเสียชีวิต
การก่อเหตุโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่การโค่นอำนาจของมอร์ซี โดยพวกนักรบญิฮัดอ้างว่า พวกเขาต้องต่อสู้เพราะเจ้าหน้าที่ของทางการไปปราบปรามกลุ่มผู้สนับสนุนของประธานาธิบดีอิสลามิสต์ผู้นี้
นอกจากไซนายยังมีพื้นที่อื่นๆ รวมถึงกรุงไคโร ที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตี โดยมีการก่อเหตุระเบิดและลอบสังหารจนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงเสียชีวิตไปแล้วหลายราย
หลังจากที่กองทัพโค่นล้มมอร์ซี การปราบปรามกลุ่มผู้สนับสนุนของเขาที่ทำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 ราย จากการปะทะกันบนท้องถนน มีผู้ถูกคุมขังมากกว่า 15,000 ราย และมีประมาณ 200 รายที่ถูกตัดสินให้ประหารชีวิต ขณะที่ตัวของมอร์ซีและบรรดาผู้นำอาวุโสของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ก็กำลังถูกพิจารณาคดีในศาลเช่นกัน
เจ้าหน้าที่อียิปต์ประกาศเมื่อเดือนธันวาคมว่า กลุ่มภราดรภาพมุสลิมนั้นเป็นกลุ่มก่อการร้ายและอยู่เบื้องหลังการโจมตีหลายครั้ง หลังจากที่มีเหตุคาร์บอมบ์ที่สถานีตำรวจซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงไคโร จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่าสิบราย
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มภราดรภาพมุสลิมได้ปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว ตลอดจนการโจมตีจำนวนมากซึ่งมีกลุ่มนักรบญิฮัด “บีท อัลมาดิส” ในพื้นที่ไซนาย ออกมาประกาศความรับผิดชอบ แม้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะระบุว่า กลุ่มภราดรภาพมุสลิม มีความเชื่อมโยงและคอยให้การสนับสนุนบรรดานักรบญิฮัดหลายกลุ่ม
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม กองกำลังความมั่นคงของอียิปต์ได้ยึดเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องแบบ “แกรด” จำนวน 20 ชุด ที่ถูกลักลอบนำเข้ามาจากฉนวนกาซา ผ่านทางอุโมงค์ในพื้นที่ไซนาย การยึดอาวุธครั้งนั้นเกิดขึ้น 2 วันหลังเกิดการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิมในอียิปต์
เมื่อวันพฤหัสบดี (17 ก.ค.) อิสราเอลได้เริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา โดยมุ่งเป้าไปที่การทำลายเครือข่ายอุโมงค์ที่ซับซ้อน ซึ่งสามารถทะลุข้ามผ่านชายแดนได้
เจ้าหน้าที่อียิปต์ระบุว่า เมื่อวันเสาร์ (19 ก.ค.) จรวด 1 ลูกที่อาจยิงออกมาจากฉนวนกาซา ได้ตกลงมาในบริเวณจุดข้ามแดนในเมืองราฟาของอียิปต์ ทำให้มีทหาร 1 นายได้รับบาดเจ็บ ซึ่งโดยปกติแล้วอียิปต์จะปิดจุดข้ามแดนบริเวณนั้น แต่จะยอมให้ชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบในฉนวนกาซาสามารถข้ามผ่านได้
