รอยเตอร์ - กองกำลังยูเครนยึดคืนพื้นที่ได้เพิ่มเติม แต่ก็ต้องสูญเสียกำลังพลไปจำนวนมากในเหตุปะทะกับฝ่ายกบฏแบ่งแยกดินแดนเมื่อวันพฤหัสบดี (10) ขณะที่สองชาติพันธมิตรตะวันตกเรียกร้องประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย พยายามกดดันฝ่ายกบฏให้หนักหน่วงขึ้นสำหรับหาทางเจรจายุติความขัดแย้ง
ในช่วงไม่นานที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ากองกำลังฝ่ายรัฐบาลยูเครน จะเป็นฝ่ายได้เปรียบในความขัดแย้งยาวนาน 3 เดือนกับฝ่ายกบฏในดินแดนต่างๆ ทางภาคตะวันออกของประเทศที่คนส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลพบว่ามีทหารถูกสังหารในเหตุปะทะไปแล้วกว่า 200 ศพ เช่นเดียวกับพลเรือนและเหล่านักรบที่ต้องสังเวยชีวิตหลายร้อยคน
กองทัพยูเครนเปิดเผยว่ามีแผนมอบความประหลาดใจอย่างที่สุดแก่พวกแบ่งแยกดินแดนติดอาวุธที่ยึดครองโดเนตสก์ เมืองที่มีประชากร 900,00 คน หลังจากผลักดันจนฝ่ายกบฏต้องละทิ้งป้อมปราการในสลาเวียนส์กเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และในวันพฤหัสบดี (10) ก็สามารถยึดคืนเมืองซิเวอร์สก ทางตะวันออกของสลาเวียนส์ก ด้วยไล่ถล่มจนทัพของพวกนักรบแตกกระเจิงและหลบหนีไป
พวกแบ่งแยกดินแดนก็ยืนยันคำกล่าวอ้างของรัฐบาลเช่นกัน โดยบอกว่า “ถูกต้องแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ยังต้องยึดครองและเสริมกำลังเข้าไปในซิเวอร์สก เพราะว่ามันเสี่ยงต่อการถูกล้อมกรอบอย่างยิ่ง” อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพยอมรับว่าในขณะเดียวกันยอดผู้เสียชีวิตทางฝ่ายทหารก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยพบกำลังพลเสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 3 นายในเหตุโจมตี 2 จุดทางภาคตะวันออกเมื่อค่ำคืนวันพุธ (9)
ในความพยายามทางการทูตเพิ่มเติม เพื่อหวังยุติวิกฤตตะวันออก - ตะวันตก ครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็น ประธานาธิบดี ฟรังซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส และ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เรียกร้อง ปูติน ระหว่างสนทนาทางโทรศัพท์ ให้พยายามกดดันทุกทางเท่าที่จำเป็นเพื่อดึงพวกแบ่งแยกดินแดนกลับสู่โต๊ะเจรจาที่เห็นผลอย่างแท้จริง
พวกเขายังร้องขอนายปูติน ใช้มาตรการต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมเพื่อรับประกันว่ามีการควบคุมตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลเคียฟอ้างว่า เจ้าหน้าที่รัสเซียทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นปล่อยให้พวกนักรบขนอาวุธและยุทโธปกรณ์ข้ามพรมแดนเข้ามาช่วยฝ่ายกบฏ