เกิดเหตุกำแพงถล่มทางตอนใต้ของอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย โดยหนึ่งในนั้นเป็นเด็ก นับว่าเป็นเหตุสลดใจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่ 1 สัปดาห์หลังเหตุการณ์ตึกถล่มที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 61 ราย
เจ้าหน้าที่ของรัฐ ระบุว่า มีเหตุกำแพงล้อมอาคารคลังสินค้าถล่มลงมาทับบ้านพักคนงาน หลังจากที่ลมมรสุมได้ทำให้เกิดฝนตกอย่างหนัก ในเขตติรูวาลเลอร์ รัฐทมิฬนาฑู
เค วีระ รักฮาวา ราโอ เจ้าหน้าที่ตรวจเก็บวัตถุในที่เกิดเหตุของเขตติรูวาลเลอร์ บอกต่อสำนักข่าว ทรัสต์ ออฟ อินเดีย ว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตทั้ง 11 คนนั้น เป็นผู้หญิง 4 ราย และเด็กอีก 1 ราย ซึ่งแรงงานเหล่านั้น มาจากรัฐอานธรประเทศที่อยู่ใกล้ๆ โดยได้เข้ามาทำงานก่อสร้างคลังสินค้า ทั้งนี้ แรงงานหลายล้านคนในประเทศอินเดียมักจะพาครอบครัวมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ก่อสร้าง หรือในละแวกใกล้เคียง
พี จันทรา เศกราน เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสประจำเขต บอกต่อเอเอฟพีผ่านทางโทรศัพท์ว่า ทางตำรวจได้เตรียมการเรื่องชันสูตรศพ โดยศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ราย ได้ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลประจำเขต แต่เขาไม่ได้ยืนยันว่า ยังมีผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในซากกำแพงอีกหรือไม่ รวมถึงไม่ได้ระบุว่า มีผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจนรอดชีวิตจำนวนเท่าไหร่
ทางด้าน เอส พี เซลแวน เจ้าหน้าที่อาวุโสจากหน่วยงานรับมือภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่า ฝนที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากลมรสุมนั้นได้ตกลงมาอย่างหนักภายในเมือง จนอาจเป็นเหตุทำให้กำแพงได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากที่อื่นอีก 2-3 เหตุการณ์ที่คล้ายกัน แต่โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต
การพังถล่มลงมาของกำแพงครั้งนี้ นับว่าเป้นครั้งล่าสุดของอุบัติเหตุอาคารสิ่งปลูกสร้างถล่มในอินเดีย โดยในสัปดาห์ที่แล้ว มีตึกที่พักอาศัยขนาด 11 ชั้น บริเวณชานเมืองเชนไน ห่างจากจุดเกิดเหตุครั้งล่าสุดประมาณ 45 กิโลเมตร ได้พังถล่มลงมาจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 61 ราย แถมก่อนหน้านั้นยังมีเหตุอพาร์ตเมนต์ถล่มในกรุงนิวเดลี จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย โดยเป็นเด็ก 5 ราย
ตึกถล่มกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วสำหรับประเทศอินเดีย สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานในการก่อสร้างค่อนข้างแย่ของประเทศนี้ ด้วยกระแสความต้องการที่พักอาศัยจำนวนมากมาย บวกกับการคอร์รัปชัน ส่งผลให้อาคารหลายแห่งถูกสร้างขึ้นมาอย่างผิดกฎหมาย ตลอดจนการใช้วัสดุด้อยคุณภาพ และขาดการตรวจสอบความปลอดภัย