เอเอฟพี - นิวซีแลนด์แถลงวันนี้ (30 มิ.ย.) ว่าจะผลักดันให้มีการดำเนินคดีต่อนักการทูตรายหนึ่งที่ประเทศบ้านเกิดของเขา ภายหลังที่เขาอ้างสิทธิความคุ้มกันทางทูตเพื่อหนีข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ
อย่างไรก็ตาม ทางการนิวซีแลนด์ไม่ได้เปิดเผยชื่อ หรือประเทศบ้านเกิดของทูตที่มีพฤติกรรมสุดฉาวผู้นี้ เนื่องจากถูกศาลสั่งยับยั้ง แต่บรรดาเจ้าหน้าที่ในกรุงเวลลิงตันกล่าว่า ไม่ต้องการให้คดีนี้ถูก “ซุกไว้ใต้พรม”
นายกรัฐมนตรี จอห์น คีย์ แห่งนิวซีแลนด์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เราจะยังเฝ้าดูคดีนี้ต่อไป เราจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจทำได้เพื่อให้แน่ใจว่า บุคคลผู้นี้จะได้รับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาก่อ”
ตำรวจแดนกีวีเปิดเผยว่า เมื่อเดือนที่แล้ว สามารถจับกุมนักการทูตวัย 30 ปีเศษผู้นี้ได้ที่กรุงเวลลิงตัน โดยเขาถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายและเจตนาข่มขืน ภายหลังถูกกล่าวหาว่าลอบตามหญิงสาววัย 21 ปีไปถึงบ้าน และพยายามปลุกปล้ำเธอ
นอกจากนี้เขายังถูกตั้งข้อหาลักทรัพย์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีตามกฎหมายกลับต้องยุติลง เมื่อประเทศบ้านเกิดของทูตคนนี้ปฏิเสธไม่สละสิทธิความคุ้มกันทางทูต และรีบชิงนำตัวเขากลับประเทศ ภายหลังที่เขาถูกตั้งข้อหาได้เพียง 1 วัน
คีย์ กล่าวว่า นิวซีแลนด์ขอรับรองว่าจะสืบสวนคดีนี้โดยละเอียด และรัฐบาลของเขาจะเฝ้าติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจสอบว่ามีการตั้งข้อหานักการทูตผู้นี้ในประเทศบ้านเกิดหรือไม่ นับตั้งแต่ที่นิวซีแลนด์ยังไม่สามารถเอาผิดกับเขาได้
เขากล่าวว่า “ผมไม่ทราบว่าเหตุใดพวกเขาจึงดำเนินการเช่นนี้ แต่พวกเขาก็ยังทำ... รัฐบาล (นิวซีแลนด์) ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้ประเทศดังกล่าวสละความคุ้มกันทางทูต”
ตามอนุสัญญาเวียนนา เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมหรือคุมขังนักการทูตไว้ในต่างประเทศได้
เมอร์เรย์ แมคคัลลี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศนิวซีแลนด์กล่าวว่า ถึงอย่างไรนักการทูตก็ยังมีหน้าที่เคารพกฎหมาย โดยเขาได้เชิญเอกอัครราชทูตของประเทศดังกล่าวมาพบ เพื่อแจ้งให้ทราบว่านิวซีแลนด์กำลังรอดูว่าประเทศนี้จะตอบสนอง “การก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง” เช่นไร
เขากล่าวว่า “เรายังไม่พบสัญญาณที่บ่งชี้ว่าคดีนี้จะหายเข้ากลีบเมฆ”
“กระทรวงการต่างประเทศกำลังสอดส่องการสืบสวนคดีนี้อย่างใกล้ชิด และจะติดตามความคืบหน้า พร้อมทั้งพิจารณาว่าจะต้องใช้มาตรการใดต่อไป”