เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยในวันอังคาร (24) โดยระบุ มีผู้เสียชีวิตในอิรักแล้ว 1,075 รายในเดือนนี้ โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็น “พลเรือน” ที่ถูกสังหาร หลังกลุ่มติดอาวุธของพวกมุสลิมหัวรุนแรงนิกายสุหนี่ บุกเข้ายึดครองหลายพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ
รูเพิร์ต โคลวิลล์ โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ยูเอ็นด้านสิทธิมนุษยชน ออกมาแถลงที่นครเจนีวา ในสวิตเซอร์แลนด์ โดยยืนยันว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตในอิรักไปแล้วทั้งสิ้น 1,075 ราย หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธของพวกมุสลิมหัวรุนแรงนิกายสุหนี่ที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์ (ISIL) บุกเข้ายึดเมืองสำคัญหลายแห่งรวมถึง สถานที่ซึ่งมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างสนามบินและโรงกลั่นน้ำมัน
ขณะที่รัฐบาลอิรักที่เป็นพวกมุสลิมนิกายชีอะห์นำโดยนายกรัฐมนตรีนูริ อัล-มาลิกิ ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ในการสกัดการรุกคืบของพวกนักรบหัวรุนแรงที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
ข้อมูลล่าสุดของยูเอ็นที่มีการเปิดเผยออกมาระบุว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิต 1,075 คนนั้น มีพลเรือนอย่างน้อย 757คนถูกสังหารในพื้นที่ของ 3 จังหวัด คือ นิเนเวห์ , ดิยาลา และซาลาห์ อัล-ดิน ขณะที่อีก 599 คนได้รับบาดเจ็บ โดยตัวเลขนี้นับถึงเฉพาะวันอาทิตย์ (22 มิ.ย.) ที่ผ่านมา
โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ยูเอ็นด้านสิทธิมนุษยชน ยังเผยด้วยว่า นอกเหนือจากจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากแล้ว ยังพบหลักฐานว่ามีการ “ลักพาตัว” เกิดเพิ่มขึ้นอย่างขนานใหญ่ในอิรัก โดยเฉพาะในกรุงแบกแดด และพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ
จนถึงขณะนี้ มีการยืนยันว่า มีพลเมืองของตุรกีจำนวนอย่างน้อย 48 รายถูกลักพาตัวไป รวมถึงพลเมืองของอินเดียอีกอย่างน้อย 40 คน และชาวจอร์เจียอีก 16 คน