เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด ในหมู่ผู้บริหารระดับสูงของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นระบุ วิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในประเทศไทย รวมถึง การทำ “รัฐประหาร” โดยกองทัพเมื่อเดือนที่แล้วไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจแดนปลาดิบต่อการลงทุนในไทย
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยหนังสือพิมพ์ธุรกิจชื่อดังอย่าง “นิกเกอิ” ของญี่ปุ่น พบข้อมูลว่า ราว 84.7 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนในญี่ปุ่นซึ่งมีการลงทุนในประเทศไทย ยังคงให้ความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมืองในไทยโดยไม่มีแผนทบทวนยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของตนใหม่แต่อย่างใด ขณะที่อีกราว 68.8 เปอร์เซ็นต์ระบุ จะเดินหน้าทำธุรกิจของตนในไทยต่อไปตามเดิม
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดที่มีการเผยแพร่ในคืนวันจันทร์ (23) ระบุว่า แม้ผู้นำภาคธุรกิจของญี่ปุ่นโดยส่วนใหญ่จะยังคงมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมืองในไทย โดยเฉพาะหลังการควบคุมอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก แต่ภาคเอกชนของญี่ปุ่นยอมรับว่า วิกฤตทางการเมืองในไทยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นในไทยราว 1 ใน 4 โดยเฉพาะในแง่ของยอดขายสินค้าและความไม่ต่อเนื่องของกระบวนการผลิตสินค้ารวมถึงการขนส่งสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม และการประกาศ “เคอร์ฟิว” ในช่วงที่ผ่านมา
ผลสำรวจความคิดเห็นครั้งนี้ยังระบุด้วยว่า นักธุรกิจญี่ปุ่นมองเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยรวมว่า มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และยังมีความน่าสนใจในการลงทุน
อย่างไรก็ดี ราว 57.6 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริหารระดับสูงในภาคเอกชนของญี่ปุ่น รู้สึกกังวลต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนที่ส่อเค้าชะลอตัวลง ขณะที่อีก 37.5 เปอร์เซ็นต์รู้สึกกังวลว่าความขัดแย้งระหว่างจีนกับประเทศต่างๆในเรื่องหมู่เกาะพิพาทหลายแห่งในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นในเอเชีย