เอเอฟพี - ทหารเกณฑ์ในกองทัพเกาหลีใต้ที่ก่อเหตุสังหารเพื่อนร่วมหน่วยไป 5 คนในบริเวณใกล้พรมแดนติดกับเกาหลีเหนือถูกจับกุมได้แล้ววันนี้ (23 มิ.ย.) เมื่อเขายิงตนเองได้รับบาดเจ็บ หลังประจันหน้ากับทหารหลายพันนายนาน 24 ชั่วโมง
คิม มินซอก โฆษกของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่า ทหารยศนายสิบวัย 22 ปีผู้นี้ถูกกำลังพลต้อนให้จนมุมในป่าละเมาะ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนที่ทหารตรึงกำลังอย่างแน่นหนาออกไป 10 กิโลเมตร จากนั้นก็ยิงตนเองบาดเจ็บ จนถูกหามส่งโรงพยาบาล
คิมบอกผู้สื่อข่าวว่า “เราสามารถยึดปืนและเครื่องกระสุนทั้งหมดที่เขาพกติดตัวไว้ได้แล้ว”
เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งของกระทรวงเผยว่า ลิมได้รับบาดเจ็บที่หน้าอกข้างซ้าย และเสียเลือดไปมาก แต่กล่าวเสริมว่า อาการของเขาไม่ได้สาหัสรุนแรงจนอาจถึงขั้นเสียชีวิต
ทหารเกาหลีใต้นับพันนายซึ่งได้รับกำลังสนับสนุนจากหน่วยรบพิเศษ และเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพได้วางกำลังล้อมทหารนายนี้ นับตั้งแต่ออกไล่ลาเขาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (22)
ลิมซึ่งมีปืนยาวจู่โจม K-2 และเครื่องกระสุนได้วิ่งหนีไปเมื่อคืนวันเสาร์ (21) หลังสังหารเพื่อนร่วมหน่วย 5 คน ที่ด่านชายแดน
ก่อนที่จะทำปืนลั่นใส่ตนเอง ลิมได้พูดคุยกับพ่อและพี่ชายผ่านโทรศัพท์ โดยทั้งสองวิงวอนให้เขายอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ของกองทัพซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อกล่าวกับสำนักข่าวยอนฮัปว่า ลิมร่ำไห้ขณะขอให้ทหารช่วยต่อสายถึงที่บ้าน
สำนักข่าวรายงานคำพูดของแหล่งข่าวนิรนามรายนี้ว่า “เขาคุย...อยู่นานหลายนาที และครอบครัวของลิมขอร้องให้เขายอมมอบตัว”
เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (22) ลิมได้ยิงโต้ตอบกับผู้ที่ออกตามหาเขา ก่อนจะวิ่งหลบเข้าไปในป่า ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้าน มยุงปา-รี ทางภาคตะวันออกของจังหวัดกางวอน
ในช่วงแรกที่เกิดการยิงตอบโต้กัน มีนายทหารระดับหัวหน้าหมวดได้รับบาดเจ็บที่แขน และคิมกล่าวว่า ในวันนี้ (23) มีทหารอีกนายถูกยิงบาดเจ็บเพราะความผิดพลาด
ลิมมีกำหนดปลดประจำการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังสำเร็จหลักสูตรการฝึกทหารภาคบังคับ
แรงจูงใจของการก่อเหตุกราดยิงยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่แหล่งข่าวจากกองทัพกล่าวว่า เขามีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับกองทัพ และเหล่าผู้ประเมินสภาพจิตใจแนะนำให้เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสจับตามองเขาเป็นพิเศษ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จุดชนวนให้กองทัพโสมขาวเปิดฉากภารกิจไล่ล่าครั้งยิ่งใหญ่ ที่มีกำลังทหารเข้าร่วมกว่า 4,000 คน โดยในจำนวนนี้รวมถึงเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษ ซึ่งมีเฮลิคอปเตอร์ทหารตามสมทบ
ชาวบ้านราว 500 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุถูกอพยพออกจากบ้านเรือน ไปอยู่อาศัยในอาคารเรียนเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
*** การข่มเหงรังแกในค่ายทหาร ***
การก่อเหตุโจมตีเพื่อนร่วมหน่วยครั้งนี้เกิดขึ้นที่ด่านชายแดนนอกเขตปลอดทหาร หรือพื้นที่กันชนตลอดเส้นแบ่งพรมแดนเกาหลีเหนือ - เกาหลีใต้ที่คิดเป็นระยะทาง 250 กิโลเมตร
เนื่องจากสงครามเกาหลีซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 1950 ถึง 1953 สิ้นสุดลงด้วยข้อตกลงพักรบ มิใช่การทำสนธิสัญญาสันติภาพ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จึงยังมีสถานะเป็นคู่สงครามอยู่โดยปริยาย
ทหารเกาหลีใต้ซึ่งประจำการอยู่ตามชายแดนจำนวนมากเป็นคนหนุ่มที่ถูกเกณฑ์เข้ามาฝึกวิชาทหารภาคบังคับเป็นเวลา 2 ปี
ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (21) ส่วนใหญ่เป็นทหารเกณฑ์ที่มีอายุระหว่าง 19 ถึง 23 ปี
กระทรวงกลาโหมโสมขาวได้ออกมาแถลง “ขออภัยอย่างสุดซึ้ง” ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คำแถลงระบุว่า “เราขอให้ดวงวิญญาณของเหยื่อไปสู่สุขคติ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหยื่อ ผู้บาดเจ็บ และครอบครัวของพวกเขา”
การข่มเหงรังแกและความโหดร้ายในค่ายทหารเป็นสิ่งที่สร้างรอยด่างให้แก่กองทัพเกาหลีใต้ ทั้งยังถูกกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดการฆ่าตัวตาย และเหตุกราดยิงในลักษณะนี้ตามมา
เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2011 ทหารเกณฑ์วัย 19 ปีของกองทัพเรือได้กราดยิงเพื่อนร่วมหน่วย 4 คนเสียชีวิต บนเกาะกางฮวา ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดน
เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2005 ทหาร 8 นายถูกสังหาร และ 2 นายได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อทหารเกณฑ์วัย 22 ปีขว้างระเบิดและระดมยิงเพื่อนทหารที่นอนหลับอยู่ ที่ด่านพิทักษ์ชายแดนทางเหนือของกรุงโซล
ผู้ก่อเหตุในทั้งสองคดีถูกนำตัวขึ้นศาลทหาร และต้องโทษประหารชีวิต แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังไม่ถูกประหารก็ตาม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กองทัพเกาหลีใต้ได้พยายามดำเนินมาตรการยับยั้งการข่มเหงรังแก ที่พวกเขาเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “วัฒนธรรมทหารที่ถูกบิดเบือน”
