เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - โมฮาเหม็ด โอลด์ อับเดล อาซิซ ส่อเค้าจะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของ “สาธารณรัฐอิสลามมอริเทเนีย” อีกสมัย ในการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอาทิตย์ (22) แม้ฝ่ายค้านซึ่งคว่ำบาตรการเลือกตั้งครั้งนี้จะออกโรงกล่าวหาว่าชัยชนะของผู้นำมอริเทเนียได้มาอย่างฉ้อฉล
รายงานข่าวล่าสุดจากกรุงนูแอกชอตต์ เมืองหลวงของมอริเทเนียระบุว่า ประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด โอลด์ อับเดล อาซิซ อดีตนายพลวัย 57 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจหลังเป็นผู้นำในการก่อรัฐประหารเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2008 ส่อเค้าคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์ (22)
รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวที่มีความใกล้ชิดกับคณะกรรมการการเลือกตั้งอิสระแห่งชาติ (ไอเอ็นอีซี)เผยว่า แม้ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการอาจต้องรอจนถึงวันจันทร์ (23) แต่ผลการนับคะแนนล่าสุดบ่งชี้ว่า อับเดล อาซิซ ซึ่งชูนโยบายในการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ อาจได้คะแนนเสียงสูงถึง 67 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่คู่แข่งคนสำคัญซึ่งชูนโยบายต่อต้านการใช้ “แรงงานทาส” อย่างบิราม โอลด์ ดาห์ โอลด์ อเบอิด อาจได้คะแนนเสียงเพียง 19 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ดี ทีมงานรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดีอับเดล อาซิซอ้างว่า ผู้นำมอริเทเนีย อาจชนะการเลือกตั้งหนนี้โดยได้คะแนนเสียงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของการโหวต ขณะที่โอลด์ อเบอิดอาจได้คะแนนเสียงราว 10 เปอร์เซ็นต์
ด้านแนวร่วมพรรคฝ่ายค้าน 11 พรรคซึ่งรวมถึงกลุ่มการเมืองของพวกอิสลามิสต์สายกลางที่ประกาศบอยคอตการเลือกตั้งครั้งนี้ ระบุว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งของประธานาธิบดีอับเดล อาซิซครั้งนี้ได้มาอย่างฉ้อฉล และเป็นเพียงเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมให้กับ “ผู้นำเผด็จการ”
นักวิเคราะห์ระบุว่า ความสำเร็จของรัฐบาลภายใต้การนำของอับเดล อาซิซในการปราบปรามการเคลื่อนไหวของพวกกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงที่มักก่อเหตุปล้นจี้ ลักพาตัว รวมถึง อยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรมหลายครั้งในมอริเทเนีย ถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่ทำให้ประชาชนเทคะแนนให้กับเขา ขณะเดียวกัน ผลงานของอับเดล อาซิซในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ถึง 6 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยปูทางให้ผู้นำรายนี้ได้ครองอำนาจต่ออีกสมัย