ยูเครนยืนยันจะลงนามข้อตกลงประวัติศาสตร์กับอียูในสัปดาห์หน้า

เอพี/เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เปโตร โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครนยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดี (19 มิ.ย.) จะลงนามข้อตกลงคบค้าสมาคมกับสหภาพยุโรปในวันที่ 27 มิถุนายนนี้และจะส่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ไปยังลักเซมเบิร์กในสัปดาห์หน้า เพื่อวางกรอบแผนสันติภาพทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศร่วมกับเหล่ารัฐมนตรีจากอียู

เหล่าผู้นำของอียูลงนามในส่วนย่อยของข้อตกลงกับยูเครนในด้านความร่วมมือทางการเมืองและการค้าไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม ทว่าตอนนั้น ในส่วนเนื้อหาหลักของข้อตกลงการค้าเสรี ถูกเลื่อนออกไปจนกว่ายูเครนได้ประธานาธิบดีที่มาจากการแต่งตั้ง

อย่างไรก็ตามในวันพฤหัสบดี (19) นายปาฟโล คลิมคิน รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของยูเครน เปิดเผยว่า “สิ่งที่เรารอคอยมาอย่างยาวนานกำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า” เขากล่าว “เป้าหมายต่างๆ ของรัฐบาลชุดใหม่มีความชัดเจน พวกเรามีแผนสันติภาพ (สำหรับภาคคะวันออกของยูเครน และคบค้าสมาคมกับอียู” อ้างถึงความพยายามของประธานาธิบดียูเครนที่ต้องการให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงทางภาคตะวันออก

คำแถลงของโปโรเชนโก มีขึ้นตามหลังการแต่งตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ อัยการสูงสุดและประธานธนาคารกลางคนใหม่ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศ ในวันพฤหัสบดี (19)

ข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) คือแก่นกลางในวิกฤตการเมืองของยูเครนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ด้วยอดีตประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูโควิช ผู้ฝักใฝ่รัสเซีย กลับลำไม่ยอมลงนามในนาทีสุดท้าย แล้วหันไปกระชับสัมพันธ์กับรัสเซีย กระพือการลุกฮือชุมนุมต่อต้านบนท้องถนนและก่อนที่เขาจะถูกโค่นล้มอำนาจในเดือนกุมภาพันธ์

โปโรเชนโก ต้องนำพายูเครนในช่วงเวลาแห่งความแตกแยกร้าวลึกภายในประเทศ หลังจากรัสเซียผนวกแหลมไครเมียและฝ่ายกบฏนิยมมอสโกก่อจลาจล ท่ามกลางระลอกคลื่นแห่งความรุนแรง หลังทางการยังคงเดินหน้าปฏิบัติการกวาดล้างพวกต้องการแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกของประเทศ

ขณะเดียวกัน ในวันพฤหัสบดี (19) พล.อ.อันเดอร์ส โฟกห์ รัสมุสเซน ยืนยันว่าพบเห็นการเสริมกำลังทหารรัสเซียรอบใหม่ตามแนวชายแดนติดกับยูเครน

ท่ามกลางความตึงเครียดสูงสุดระหว่างสองประเทศในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นาโตรายงานพบเห็นทหารรัสเซียมากกว่า 40,000 นายประจำการอยู่ตามแนวชายแดนทางภาคตะวันออกของยูเครน “มีทหารรัสเซียหลายหมื่นายประจำการตามแนวชายแดนยูเครน” เลขาธิการนาโตระบุ

พล.อ.อันเดอร์ส โฟกห์ รัสมุสเซน บอกด้วยว่ามันนับเป็นการก้าวถอยหลังที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่รัสเซียยังคงใช้ยุทธศาสตร์ทางทหารเช่นนี้ในความพยายามรื้อกฎระเบียบนานาชาติและสร้างขอบเขตอิทธิพลใหม่ “ถ้าพวกเขาประจำการเพื่อรักษาชายแดนและหยุดการหลั่งไหลของอาวุธและพวกนักรบมันก็จะเป็นก้าวย่างในทางบวก แต่ที่เราเห็นมันไม่เป็นแบบนั้น”