เอเอฟพี – รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบียเตือน สถานการณ์ความรุนแรงในอิรักเสี่ยงยกระดับกลายเป็น “สงครามกลางเมือง” ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้ หลังจากกลุ่มติดอาวุธมุสลิมนิกายสุหนี่สามารถบุกยึดเมืองใหญ่ๆ ได้หลายแห่ง
เจ้าชายไฟซอล อัล-สะอูด รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศซาอุฯ แถลงในพิธีเปิดการประชุมกลุ่มชาติมุสลิมที่เมืองเจดดาห์ริมทะเลแดงในวันนี้(18)ว่า “มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเหตุจลาจลในอิรักอาจลุกลามจนกลายเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งจะส่งกระทบต่อภูมิภาคชนิดที่ไม่อาจคาดเดา”
เจ้าชายไฟซอลทรงย้ำข้อกล่าวหาของซาอุดีอาระเบียที่ว่า “นโยบายแบ่งแยกกีดกัน” ที่นายกรัฐมนตรี นูรี อัล-มาลิกี ใช้กับชนกลุ่มน้อยมุสลิมสุหนี่ในอิรัก คือสาเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งยังเปิดโอกาสให้ประเทศอื่นๆ ที่ “ประสงค์ร้าย” ต่ออิรักฉวยโอกาส “บั่นทอนความมั่นคง เสถียรภาพ เอกภาพของชาติ และจิตสำนึกความเป็นอาหรับ”
คำแถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุฯ มีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดี ฮัสซัน รอฮานี แห่งอิหร่าน ออกมาประกาศว่า เตหะรานพร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องศาสนสถานของชาวมุสลิมชีอะห์ในอิรักจากการทำลายล้างของกลุ่มติดอาวุธสุหนี่
รัฐบาลนายกฯ มาลิกี ซึ่งเป็นมุสลิมชีอะห์ และมีความสนิทชิดเชื้อกับอิหร่าน กล่าวหาว่าซาอุดีอาระเบียคอยให้ทุนสนับสนุนปฏิบัติการของกลุ่มติดอาวุธสุหนี่ในอิรัก
“เราเชื่อว่า (ซาอุดีอาระเบีย) เป็นที่มาของแหล่งทุนและกำลังใจที่กลุ่มติดอาวุธพวกนี้ได้รับอยู่” ถ้อยแถลงจากรัฐบาลอิรักระบุ พร้อมประณามกรุงริยาดว่า “เข้าข้างพวกก่อการร้าย”